ขณะที่พูด รถเข็นของธนพัตกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ ตามจังหวะเพลง
ส่วนสาริศานั้นซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา พาดผ่านแสงไฟอันเจิดจ้าไปพร้อมกับเขา พร้อมกับสายตาตกตะลึงที่อยู่รอบข้าง
สาริศาในเวลานี้ตัวแข็งทื่อ
เธอมองใบหน้ารูปหล่อของธนพัตที่อยู่ตรงหน้า ทุกอณูบนใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย แววตายามปกติที่เย็นชา เวลานี้กลับอ่อนโยนลงไม่น้อย และถูกย้อมด้วยรอยยิ้ม ทำให้ใบหน้าของเขาราวกับเพชรที่สว่างไสวระยิบระยับ
ผู้ชายที่งดงามแบบนี้……
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสามีของเธอ……
รถเข็นของธนพัตค่อย ๆ เคลื่อนไหว คนรอบข้างต่างมองอย่างตะลึง แม้แต่ไรยาที่อยู่กลางฟลอร์เต้นรำเพลิดเพลินกับสายตาเชยชมจากทุกคน เวลานี้ก็อดไม่ได้หยุดชะงักขึ้น
“เต้นรำบนรถเข็น?” เธอประหลาดใจอย่างมาก แต่เพียงชั่วครู่ ในแววตาก็ประกายความริษยาและความแดกดันขึ้น “พิการก็คือพิการ น่าสงสารจริง ๆ”
ไรยาอยากจะหัวเราะเยาะธนพัตกับสาริศา แต่เมื่อเห็นใบหน้ารูปงามที่ไม่มีใครเทียบได้ของธนพัต และท่วงท่าที่สง่างามบนฟลอร์เต้นรำ ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองหมดแรงที่จะกระทำการเยาะเย้ยนั้น
ไม่เพียงแต่เธอ ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากความช็อกตกใจในครั้งแรก มาเป็นความชื่นชม
“พระเจ้า เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้ว่าการนั่งอยู่บนรถเข็นก็สามารถมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้”
“น่าอิจฉาคนที่ชื่อสาริศาจังเลย ที่มีสามีรักตัวเองขนาดนี้ ยังเเป็นคนโรแมนติกและสง่างามอีก”
“สมกับที่เป็นคุณชายรองแห่งตระกูลกีรติเมธานนท์จริง ๆ” มีคนที่อายุมากหน่อยในนั้น หวนคิดถึงเรื่องราวในครั้งนั้น ในน้ำเสียงจึงมีการทอดถอนใจขึ้นเล็กน้อย “ชายหนุ่มที่สะกดสายตาในตอนนั้น ถ้าหากว่าไม่มีการลักพาตัวในครั้งนั้นเกิดขึ้น เฮ้อ…”
สาริศาที่นั่งอยู่บนตักของธนพัต ได้ยินเสียงสนทนาราง ๆ จากคนรอบข้าง แต่ฟังได้ไม่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมอง
แต่คิดไม่ถึงว่าธนพัตจะยกมือขึ้นกะทันหัน เชยคางของเธอขึ้น หยุดการกระทำของเธอ
“ใส่ใจคำพูดของพวกเขาไหม” เห็นได้ชัดว่าในใจของธนพัตอ่านความคิดของสาริศาออก
สาริศายิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“ไม่ต้องไปใส่ใจ” ธนพัตกล่าวเสียงเบา ๆ คลายมือที่จับอยู่ที่คางของเธอออก แล้วเปลี่ยนเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนขึ้น “สิ่งที่คุณต้องทำคือ เพลิดเพลินกับความสุขในเวลานี้ก็พอ”
น้ำเสียงของธนพัตยังเคร่งขรึมกว่ายามปกติ ราวกับมีพลังเวทมนตร์ ทำให้สาริศาทั้งตัวประหนึ่งต้องมนตร์สะกดก็ไม่ปาน ทำการพยักหน้า แล้วยื่นมือไปคล้องอยู่ที่คอของเขา เคลื่อนไหวตามเขาอยู่บนฟลอร์เต้นรำ
เห็นความร่วมมือขของสาริศา มุมปากของธนพัตก็ค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างช้า ๆ
อีกฝั่งหนึ่ง บนบันไดชั้นสอง
ท่านประเสริฐที่ยืนตัวตรงได้มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างบนฟลอร์เต้นรำด้านล่าง
มองดูสาริศาและธนพัตที่เคลื่อนไหวอยู่บนฟลอร์เต้นรำ รอยยิ้มงดงามบนใบหน้าของสาริศา ยังมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของธนพัต ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อย
นานแค่ไหนแล้ว……ที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กคนนี้
“ท่านครับ” เวลานี้มีพ่อบ้านได้เดินเข้ามา “ใกล้จะถึงเวลาแล้วครับ พวกเราควรจะเชิญแขกกลับและจัดเตรียมบรรดาคุณชายกับคุณนายน้อยเข้าพักผ่อนได้หรือยังครับ”
“อืม ใกล้แล้ว” ท่านประเสริฐถึงได้รู้สึกตัว แล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว คุณช่วยไปเรียกคนที่ชื่อสาริศาไปที่ห้องหนังสือหน่อยนะ”
เมื่อพูดจบ ท่านประเสริฐก็หันหลังแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ
ไม่นานการเต้นรำจบลงอย่างรวดเร็ว คนที่โดดเด่นที่สุดไม่ใช่ไรยาที่เป็นตัวเอก แต่เป็นสาริศาที่นั่งอยู่บนตักของธนพัต
แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว มันก็จริง ตัวเองแต่งงานกับธนพัตตั้งนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ท่านประเสริฐจะไม่ไปสืบเรื่องของตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในเมื่อท่านประเสริฐยอมให้ตัวเองเรียกเขาว่าคุณปู่ ก็แปลว่าไม่ได้ปฏิเสธเธอในฐานะหลานสะใภ้แล้ว นี่จึงทำให้เธอโล่งใจขึ้น แล้วขานเรียกอย่างเชื่อฟัง:“คุณปู่”
ท่านประเสริฐจึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ หันข้างส่งสัญญาณ “นั่งลงสิ”
สาริศาจึงนั่งลงอย่างเชื่อฟัง แล้วฟังท่านประเสริฐกล่าวอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง:“เธอคิดว่าฉันเรียกเธอมาด้วยเรื่องอะไร”
“เรื่องรูปภาพในงานเลี้ยงหรือเปล่าคะ” สาริศารวบรวมความกล้าแล้วเงยหน้าขึ้น ในเมื่อมีโอกาสนี้แล้ว เธอก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนอย่างแน่นอน “คุณปู่คะ รูปภาพเหล่านี้ความจริงแล้ว——”
คิดไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันได้อธิบาย ท่านประเสริฐได้ยกมือขึ้นห้ามเธอพูดประโยคต่อไปอย่างตรง ๆ
“เธอไม่ต้องอธิบายให้ฉันฟังหรอก” น้ำเสียงพกความรำคาญเล็กน้อยของท่านประเสริฐ “เธอคิดว่าเธอแต่งงานกับธนพัตนานขนาดนี้ ฉันจะไม่ไปสืบเรื่องของเธอให้ชัดเจนเลยเหรอ”
ท่านประเสริฐใช้คำพูดอย่างชาญฉลาด เพียงประโยคเดียว “สืบชัดเจน” ก็สื่อถึงความหมายในตัวแล้ว
เขาไม่เพียงแต่สืบเรื่องเมื่อสองปีก่อน ยังสืบหาความจริงแล้วด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเธอถูกคนอื่นใส่ร้าย
สาริศาจึงได้เข้าใจทันที ว่าทำไมเมื่อท่านประเสริฐเห็นภาพเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่ตกใจ หนำซ้ำยังไม่ตำหนิติโทษเธอ
เมื่อคิด ๆ ดู เขาคงรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว
สาริศาถึงได้เบาใจลง แล้วกล่าวอย่างจริงใจ:“ขอบคุณค่ะคุณปู่”
“เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก” ท่านประเสริฐกระแอมเสียง “เธอคงไม่ได้คิดหรอกนะ ว่าเพราะความบริสุทธิ์ของเธอฉันถึงได้ไม่เอาเรื่องเธอในครั้งนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...