หวนเวลามาพบท่าน นิยาย บท 10

เดิมทีนางควรจะได้รับความรักความโปรดปราน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครสนใจ

“ส่งข้ากลับไปที่ชิงโจวสิ!” เฝิงจื่อซูหันศีรษะไปมองเขาด้วยสีหน้าที่ยังซีดเซียว “หากไม่พบเจอข้า ท่านพ่อก็ไม่ต้องมีเรื่องว้าวุ่นใจ ข้าเคยมีชีวิตอยู่ดีมากที่เมืองชิงโจว”

“อย่าพูดอะไรโง่ๆ พ่อจะไม่ส่งเจ้ากลับชิงโจว” ภายในใจของเฝิงกั๋วกงรู้สึกขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องจริงที่เขามองบุตรสาวผู้นี้เป็นศัตรูมาตลอดสิบกว่าปี แต่เมื่อมองใบหน้าของนาง เขาจะเกลียดลงได้อย่างไร เมื่อไม่มีเครื่องประทินผิวบดบัง นางก็ดูเหมือนแม่ราวกับพิมพ์เดียวกัน

คำพูดประโยคนั้นที่นางพูดก่อนหมดสติเป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทงลงมาบนหน้าอกของเขา

“ในชนบท ข้าเลี้ยงไก่ไว้หนึ่งคอก แพะภูเขาหนึ่งฝูง วัวสามสิบตัว และยังมีม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่อีกห้าตัว มีแม่นม มีไห่ถัง มีดอกไม้ มีผักที่ข้าปลูก มีแปลงข้าวฟ่างข้าวสาลี ข้าขี่ม้าได้ รำดาบได้ ดื่มสุราได้... ข้ารักบ้านสวนเหยาถิงในเมืองชิงโจว ข้าไม่อยากจะจากมา แต่พ่อบ้านมาถึงและบอกว่าท่านพ่อคิดถึงข้า อยากให้ข้ามาอยู่เคียงข้างเขา เขาชราแล้ว...”

น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาของเฝิงจื่อซู นางตั้งใจจะแสดงละคร แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าสิ่งที่พูดออกมาล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ชาติที่แล้วมันเป็นเช่นนี้

นางยังไม่เคยตัดใจจากสายใยระหว่างพ่อลูก ไม่อย่างนั้นในชาติก่อนนางคงไม่ฟังสิ่งที่นางซั่งกวนกับแม่นมจางบอกแล้วมาร้องขอความรักจากพ่อของนาง

โดยเฉพาะ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งหนึ่งนางเคยเป็นแม่คนมาก่อน!

นางถอนหายใจเบาๆ และมองดูลวดลายบนม่านด้วยแววตาที่อ่อนแสง “เมื่อกลับมาถึง ข้าถึงได้พบว่าแท้จริงแล้วพ่อบ้านโกหก!”

นางพูดอย่างเย้ยหยัน แต่ถึงกระนั้นก็แฝงไปด้วยความเศร้าที่ยากจะบรรยายได้

เฝิงกั๋วกงรู้สึกสะเทือนใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้า

เมื่อครู่ที่เขาอยู่ข้างนอก ฟังเสียงนางร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ในฝันร้าย เขาไม่เคยรู้เลย...

เขาถอนสายตาและเอ่ยว่า “แม่ทัพอู่จิ้งเข้าวังไปแล้วเพื่อขอยาเซียวฝูจากหมอหลวงเพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า ส่วนเรื่องที่ไห่ถังบอกว่าแม่นมจางวางยาพิษ ข้าจะตรวจสอบเอง!"

เฝิงจื่อซูไม่ขยับเขยื้อนและไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีใดๆ ราวกับว่านางไม่ได้สนใจเลย

นางมองเห็นร่องรอยแห่งความสงสารในแววตาของบิดา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นในชาติก่อน

ความรักจากครอบครัว... นางได้รับมาเพียงเล็กน้อยหลังจากที่นางจบแผนการตีโพยตีพาย แบบนั้นนางคงไม่เทิดทูนแล้ว

นางหลับตาลงและได้ยินเสียงถอนหายใจที่ไม่น่าจะได้ยินอยู่หลายครั้ง

“เจ้าบอกพ่อได้หรือไม่ว่าใครสอนการต่อสู้ให้เจ้า” เฝิงกั๋วกงถาม

เฝิงจื่อซูไม่สนใจ นางสนใจไม่ได้ นางต้องโกรธยิ่งกว่าใครๆ ต้องให้เขารู้สึกว่านางเป็นผู้เคราะห์ร้ายยิ่งกว่าใครอื่น

ขอเพียงแค่เขาบอกที่ศาลาว่าการว่าแม่นมจางวางยาลอบสังหารผู้เป็นนาย นางก็จะไม่ต้องถูกสอบสวน

การสังหารแม่นมจางคือการสร้างอำนาจ เป็นการระบายความโกรธ ทั้งยังเป็นการประกาศสงคราม แต่ไหนแต่ไรการลงมือแค่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่เคยทำอะไรใครได้และทำได้เพียงกระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากจะลงมือต่อสู้

ถ้าจะลงมือก็ต้องโหดเหี้ยม!

หลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นและเดินออกไป

เฝิงจื่อซูค่อยๆ ลืมตา ในแววตามีประกายของความเหนื่อยล้าฉาบฉายให้เห็น

นางไม่ใช่คนที่ถนัดการต่อสู้แบบใช้อุบายลับหลัง ตอนที่อยู่บ้านสวนตามชนบท นางคิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้กำลัง

แม้ว่าความจริงนางอาจจะไม่แพ้ให้ซั่งกวนป๋า แต่นางก็จำเป็นต้องใช้แผนทำร้ายตัวเองเพื่อให้ศัตรูวางใจ ถ้านางมีใครสักคนในครอบครัวนี้ให้พึ่งพา เรื่องมันจะเป็นเช่นนี้หรือ

เดิมทีนางแค่คิดจะดึงซั่งกวนป๋าให้ไปเกี่ยวข้องการเรื่องการวางยาพิษ แต่ไม่คิดว่าเขากับเฝิงซิวหร่านจะกลับมาพร้อมกัน การสร้างปัญหาให้ซั่งกวนป๋าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำได้ยาก ดังนั้นนางจึงใช้อุบายทำร้ายตัวเองเพื่อเสี้ยมให้ทั้งสองคนแตกคอกันเสียเลย

เรื่องในชาติก่อนและชาตินี้ผสมปนเปกันอยู่ในใจ นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเคียดแค้น

เลือดลมพลุ่งพล่านจนนางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นนางจึงหมดสติไปอีกครั้ง

เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจึงรู้สึกได้ถึงรสหวานภายในปาก

“แม่นมจางสำคัญอะไร นางก็แค่สมุนของนางซั่งกวน คนแบบแม่นมจางมีอยู่ข้างกายนางซั่งกวนถมเถไป”

สีหน้าที่ผ่อนคลายของไห่ถังกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง “แล้วจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”

นัยน์ตาของเฝิงจื่อซูปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น “ไม่ต้องห่วง เราค่อยๆ จัดการไปทีละเปราะๆ”

ภายในจวนแห่งนี้ นางซั่งกวนยังมีผู้หนุนหลังอยู่อีกคนหนึ่ง

คนผู้นั้นก็คือฮูหยินผู้เฒ่า ย่าของนาง

ที่นางซั่งกวนเลื่อนตำแหน่งจากอี๋เหนียง1เป็นฮูหยินได้ นอกจากการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของครอบครัวของนางซั่งกวน ฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ก็มีส่วน

เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ที่แคว้นใต้กับบุตรชายคนเล็กของนางชั่วคราว แต่นางจะกลับมาในไม่ช้า ทั้งยังจะพาอารองกับอาสะใภ้รองกลับมาด้วย

ในชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พวกนางกลับมา?

นั่นต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรมที่แท้จริงในชาติที่แล้วของนาง

สาวบ้านนอกที่กลับมาจากชนบท ไม่รู้จักการต่อสู้แย่งชิงภายในครอบครัว ไม่เข้าใจความโหดเหี้ยมในจิตใจของมนุษย์ ในใจเพียงแค่รู้สึกดีใจที่ในที่สุดก็มีครอบครัว โง่เขลาจนแม้แต่สินเดิมของมารดาก็ประเคนให้จนหมด

ไห่ถังถอนหายใจเบาๆ “อันที่จริงคุณหนูหน้าตางดงามกว่าคุณหนูลูกพี่ลูกน้องนัก ภูมิหลังครอบครัวทางจวนกั๋วกงก็ดีกว่าจวนแม่ทัพ ไม่รู้เลยว่าเพราะเหตุใดจวนเจียงหนิงโหวจึงชอบคุณหนูลูกพี่ลูกน้อง ไม่ชอบคุณหนู”

เฝิงจื่อซูยิ้มอย่างเย็นชา แน่นอนว่าเฝิงจื่อซูเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่กลับมาจากชนบท แม้แต่บิดาผู้ให้กำเนิดก็ยังไม่ชอบนาง นอกจากนี้จวนกั๋วกงยังดูเหมือนจะเป็นจวนโหว แต่นั่นก็เป็นแค่รางวัลจากความสำเร็จทางการทหารของบิดานางเมื่อนานมาแล้ว ในปีนั้นมีคนได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์โหวสิบกว่าคน ไม่ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ได้รางวัลแค่ไม่กี่มากน้อย นอกจากนั้นตอนนี้พ่อของนางยังไม่มีอำนาจในราชสำนัก อยู่ที่ศาลาว่าการกำกับการก็ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองมิใช่น้อยจนแทบจะไม่มีใครให้พึ่งพา จะเทียบกับแม่ทัพซั่งกวนที่มีอำนาจเหลือล้นได้อย่างไร

ย่าของนางในชาติที่แล้วค่อนข้างหัวสูง จะมาสนใจคุณหนูสามของจวนกั๋วกงได้อย่างไร

1 อี๋เหนียง คือ อนุภรรยา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน