แม่นมจางมีใบหน้าบวมปูด เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากและจมูกจ้องมองเฝิงจื่อซูด้วยความเกลียดชัง
ทันใดนั้นเสี่ยวเฮยก็วิ่งออกมาจากอ้อมแขนของเฝิงจื่อซู และพุ่งไปที่ร่างของแม่นมจางก่อนกัดเข้าที่จมูกนางอย่างจัง
“ช่วยด้วย...” แม่นมจางร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช ดังสนั่นไปทั่วจวนกั๋วกง
เมื่อได้ยินเสียง พ่อบ้านและองครักษ์ก็รีบวิ่งมา เมื่อเห็นว่าแม่นมจางถูกมัดไว้กับเสา ใบหน้าเปื้อนเลือด เลือดสดไหลนองอยู่บนพื้น ก็อดตกใจไม่ได้
ก่อนจะมองไปที่คุณหนูสามซึ่งยืนอยู่หน้าระเบียงทางเดินด้วยใบหน้าเย็นชา สายตานั้นเย็นเยือกราวน้ำแข็ง
“คุณหนูสาม นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” พ่อบ้านรุดหน้าเข้าไปถาม
“ไปตามหมอ รีบไปตามหมอมา!” แม่นมจางร้องไห้เสียงดัง น้ำตาและเลือดไหลผสมกัน สภาพดูน่าสังเวชยิ่งนัก
องครักษ์คนหนึ่งรีบหันหลังวิ่งออกไป
เฝิงจื่อซูอุ้มเสี่ยวเฮยขึ้นมา และค่อยๆ ลูบหัวเล็กๆ ของมัน
พ่อบ้านมองดูอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ “พระเจ้า มันไม่ใช่สุนัข นั่นมันเป็นหมาป่า!”
หมาป่าสีดำทมิฬ หาได้ยากมาก และมันก็ดุร้ายที่สุด
คุณหนูสามของจวนกั๋วกงเลี้ยงหมาป่าจริงๆ ด้วย!
เฝิงจื่อซูยกเก้าอี้มานั่งหน้าระเบียงทางเดิน จ้องมองพ่อบ้านด้วยสายตาดุดัน
ชั่วขณะนั้นพ่อบ้านไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย แต่องครักษ์อยากจะเข้าไปแก้มัดให้แม่นมจาง ใครๆ ก็รู้ว่าแม่นมจางคือคนที่ฮูหยินส่งมา แม้ว่าแม่นมจางจะหยิ่งยโส แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นคนรับใช้ข้างกายฮูหยิน จะเมินเฉยไม่ได้
แส้เมฆาพุ่งออกมาจากมือของเฝิงจื่อซู ส่งเสียงหวีดหวิวเข้าม้วนแขนขององครักษ์ผู้นั้น ได้ยินเพียงเสียงแส้ที่ชัดเจน องครักษ์ถอยกลับไปทันทีราวกับปวดแสบปวดร้อน หางแส้นั้นกวาดผ่านใบหน้าของเขาทิ้งรอยเลือดเอาไว้
“ใครบังอาจปล่อยนาง?” เฝิงจื่อซูตะโกนออกไปอย่างดุดัน
พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้ากล่าว “คุณหนูสาม แม่นมจางบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากไม่แก้มัดนางลงมารักษา เกรงว่านางอาจจะตายได้ ฮูหยินเป็นคนมีจิตใจเมตตามาตลอด...”
เฝิงจื่อซูเอ่ยขัดจังหวะคำพูดของเขาอย่างเย็นชา “นางใจดีมีเมตตา แต่ข้าไม่ใช่ ใครกล้าแก้มัดนาง เช่นนั้นก็ต้องยอมถูกมัดแทนนาง!”
พ่อบ้านเห็นใบหน้าโหดเหี้ยมของนาง ก็ดูเหมือนไม่ใช่การขู่ แต่ใจลึกๆ เขาเองก็แอบสงสัย คุณหนูสามมีวรยุทธ์จริงๆ หรือ
ก่อนหน้านี้ก็คิดว่าคนในหมู่บ้านคุยโวเท่านั้น อย่างไรเสียนางกลับมาสองปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย เป็นเหมือนคนโง่ที่ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกมาตลอด
แม่นมจางครวญครางอย่างเจ็บปวดมองพ่อบ้าน เอ่ยเสียงแหบพร่า “เร็วเข้า เอาอาหารเช้าออกไป!”
หัวใจของพ่อบ้านเต้นรัว และเหลือบมองอาหารเช้าที่วางอยู่ในห้องทันที
“คุณหนูสาม ให้ข้าน้อยเข้าไปเก็บได้หรือไม่ขอรับ” เขาก่นด่าความโง่ของแม่นมจางอยู่ในใจ ถึงกับวางยาเชียวหรือ? เมื่อคืนกั๋วกงเพิ่งจะด่าฮูหยินไป ทำเยี่ยงนี้เจ้าอยากรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
“เข้าไปสิ” เฝิงจื่อซูสะบัดแส้แล้วส่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา “พ่อบ้านอยากเข้าไปก็เข้าไป”
พ่อบ้านกลัวแส้ของนางจึงหัวเราะเจื่อนๆ “เช่นนั้นข้าน้อยไม่เข้าไปแล้ว”
เขาหันกลับไปขยิบตาให้องครักษ์ เพื่อให้พวกเขาพุ่งเข้าไปเอาอาหารนั่นไปเททิ้ง
เฝิงจื่อซูกล่าวเสียงเย็น “ข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าอย่าทำเช่นนี้จะดีกว่า คงไม่อยากให้ผิวหนังต้องทรมานแบบไร้ประโยชน์หรอกใช่หรือไม่? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ถ้าไปสัมผัสของที่อยู่ด้านในก็แสดงว่าพวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน”
พ่อบ้านหัวเราะเบาๆ “คุณหนูสามจะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก จวนกั๋วกงไหนเลยจะมีพวกเดียวกัน? ต่างก็รับใช้ท่านกั๋วกงและฮูหยินทั้งนั้น”
ท่านกั๋วกงไม่มีทางทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่าง เรื่องนี้จะให้เกี่ยวกับฮูหยินไม่ได้ ท่านกั๋วกงก็ต้องไปที่ศาลาว่าการ
ตราบใดที่จัดการกับข้าวพวกนั้นทิ้ง แค่คำพูดของนางคนเดียวจะโต้แย้งอะไรได้?
เมื่อองครักษ์ทั้งสามได้ยินคำสั่งของพ่อบ้านก็พุ่งเข้าไปทางซ้ายตรงกลางและทางขวา
นางซั่งกวนหันหน้าไปทันที “ยาพิษ? ข้าให้นางใส่ยาพิษตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ไม่ใช่ฮูหยินหรือ? แต่นางบอกเช่นนั้น” เฝิงจื่อซูกล่าวเสียงเย็นชา
แม่นมจางรีบพูด “เจ้าโกหก ข้าไม่เคยบอกว่าฮูหยินเป็นคนสั่ง”
เฝิงจื่อซูยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง “เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าใส่ยาพิษลงในข้าวของข้า?”
“นั่นไม่ใช่ยาพิษ....เป็นน้ำสมุนไพรต้วนฉาง แค่จะทำให้ปวดท้องเท่านั้น ไม่ทำให้คนตาย” แม่นมจางอธิบาย
เฝิงจื่อซูลุกขึ้นมาแล้วเดินไปตรงหน้านาง ยื่นมือเชิดคางนางขึ้นมา มองไปที่ใบหน้ายับเยินนั่นแล้วหัวเราะเบาๆ “แล้วข้าต้องขอบคุณที่เจ้ายั้งมือหรือไม่?”
“ไม่ต้อ....”
คำว่าต้องยังพูดไม่ทันเสร็จ เฝิงจื่อซูก็ดึงปิ่นที่ศีรษะของแม่นมจางออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วยัดเข้าไปในปากของนาง จากนั้นก็เห็นนางสำลักเลือดออกมาจากปากไม่หยุด
ปิ่นปักผมถูกโยนลงไปที่พื้น แม่นมจางร้องอยู่สองสามทีก็สลบไป
การกระทำนี้โหดเหี้ยม ทำให้ทุกคนแม้แต่นางซั่งกวนต่างก็ตกใจ
นางซั่งกวนมองไปที่นางอย่างเย็นชา “จื่อซู เจ้าไม่มีหลักฐานก็บอกว่าแม่นมจางวางยาพิษเจ้าแล้วยังมัดนางไว้ทรมานเช่นนี้ จวนกั๋วกงไม่เคยมีคนโหดเหี้ยมเช่นนี้”
เฝิงจื่อซูกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เขย่าแส้เมฆาในมือครั้งแล้วครั้งเล่า
สาวใช้หลิงที่อยู่ด้านหลังนางซั่งกวนเห็นนางหยิ่งยโสเช่นนี้ จึงอาศัยว่าตนมีคนมากเดินออกมาชี้นิ้วด่าเฝิงจื่อซูอย่างเดือดดาล “คุณหนูสาม เจ้ากล้ามากที่กระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้ต่อหน้าฮูหยิน”
เฝิงจื่อซูจ้องไปที่นางทันที แววตาเต็มไปด้วยแสงเย็นเยือกราวยาพิษก็ไม่ปาน ทำให้สาวใช้หลิงรีบกลับไปหลบที่หลังนางซั่งกวนทันที
เฝิงจื่อซูยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม ก่อนจะเหลือบไปมองนางซั่งกวน “ข้างกายฮูหยินไม่มีใครได้เรื่องเลยสักคนหรือเจ้าคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน
รออ่านต่อค่ะ ขอบคุณมากค่ะ...
ยังรออ่านอยู่นะคะ...
คุณแอดมินมาเปิดเรื่องอ่อยคนอ่านแล้ว อย่าลืมมาอัพต่อน๊าาาาาาาาา...