หวนเวลามาพบท่าน นิยาย บท 6

เมื่อจื่อซูเดินออกมาจากเรือนก็ได้ยินเสียงบ่นโมโหของท่านพ่อและเสียงตะกุกตะกักพยายามอธิบายของนางซั่งกวน

จื่อซูยกมุมปากยิ้มอย่างเย็นชา ตอนนั้นที่ท่านพ่อถูกแต่งตั้งให้เป็นกั๋วกงก็นับว่าเป็นหน้าเป็นตาและมีชื่อเสียงอย่างมาก

แต่หลังจากที่ท่านแม่จากไป เขาก็ตกต่ำลงและไม่ไปออกรบ วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานราชการ จวนกั๋วกงที่สง่าและยิ่งใหญ่ก็เหลือเพียงเปลือกที่ว่างเปล่ามาเนิ่นนาน เฝิงกั๋วกงได้เคยพยายามโน้มน้าวซั่งกวนป๋าที่เป็นพ่อของซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ ทว่าแผนการนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้และไม่สามารถบอกใครได้

ละทิ้งซั่งกวนเฟยเอ๋อร์ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกของหานเหวินเซวียนและบอกว่าเขาดึงซั่งกวนป๋ามาเป็นพรรคพวกตัวเองสองข่าวนี้ก็ทำให้เรือนหย่งหมิงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ในคืนนี้

และเชื่อว่าพรุ่งนี้ อาหารของเรือนหลีฮวาจะยังคงจัดเตรียมเหมือนเดิม

แน่นอนว่าเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ไห่ถังก็เดินออกมาอย่างยิ้มแย้มและกล่าวว่า “คุณหนู มีอาหารเช้าแล้วเจ้าค่ะ”

แม่นมจางเป็นคนสั่งให้คนนำสำรับอาหารมาให้และส่งคนกลับมา แถมยังกล่าวอย่างเย็นชาอีกว่า “คุณหนูสามแน่มากที่รู้จักไปฟ้องนายท่านกั๋วกง แต่คุณหนูสามอย่าลืมไปว่านายท่านกั๋วกงมีเรื่องให้ต้องจัดการจำนวนมาก ปัญหาในเรือนเช่นนี้ อย่างไรก็มีฮูหยินเป็นคนจัดการ”

เมื่อสักครู่นางคิดจะไปหาฮูหยินเพื่อฟ้องว่าถูกทำร้าย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเฝิงจื่อซูจะไปฟ้องนายท่านกั๋วกงเสียก่อน ทำให้นางโมโหจนกัดฟันกรอด

ได้ เจ้าอยากกินข้าวก็กินเข้าไป กินให้ตายไปเลย

เฝิงจื่อซูเพิ่งจะหยิบตะเกียบขึ้นมาและเมื่อได้ยินดังนั้นก็วางลงและหันไปโบกมือให้แม่นมจาง “มานี่สิ”

แม่นมจางมองนางอย่างตื่นตระหนกและถามเสียงแหลม “คุณหนูสามคิดจะทำร้ายบ่าวอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ทำอะไรเจ้า” เฝิงจื่อซูคีบเนื้อจำนวนหนึ่งไปใส่ในถ้วยอีกใบ “เจ้านำออกไปให้เสี่ยวเฮยกิน กลับมาแล้วข้าค่อยพูดกับเจ้าว่าจะจัดการเรื่องของเฟยเอ๋อร์อย่างไร”

แม่นมจางเห็นว่าท่าทีของนางอ่อนลงก็คิดว่านางกลัว จากนั้นจึงหยิบถ้วยขึ้นมาและกล่าวว่า “คุณหนูสามทำเช่นนี้ถูกแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดคุยกันได้ หากไม่ต้องการให้คุณหนูเปี่ยวเป็นภรรยาเอก เช่นนั้นก็ให้เป็นภรรยารอง”

“มีเหตุผล!” เฝิงจื่อซูยิ้ม

แม่นมจางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหันหลังเดินออกไป

จากนั้นเฝิงจื่อซูก็พูดกับไห่ถังทันที “ปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

ไห่ถังรีบวิ่งไปปิดประตูและหัวเราะ “คุณหนูสามเก่งที่สุดเลย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ทานอาหารอย่างอร่อยได้แน่เจ้าค่ะ”

อันที่จริงเฝิงจื่อซูไม่หิวและกล่าวกับไห่ถัง “เจ้ากินเถอะ ข้าไม่หิว”

ไห่ถังมองอาหารที่อยู่โต๊ะและกลืนน้ำลาย “ไม่ได้เจ้าค่ะ บ่าวมีอาหารเตรียมไว้เจ้าค่ะ”

“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้กินข้าว รีบกินเข้าไปเดี๋ยวนี้!” เฝิงจื่อซูลุกขึ้นยืนและจากนั้นก็ได้ยินเสียงแม่นมจางเคาะประตูกล่าวร้องตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจ “คุณหนูสามเปิดประตู!”

เฝิงจื่อซูไม่ได้สนใจนางเลยสักนิดและสั่งให้ไห่ถังกินข้าว เมื่อไห่ถังกินเสร็จจึงเปิดประตู

แม่นมจางกล่าวด้วยความโมโห “คุณหนูสามหมายความว่าอย่างไร?”

“ไม่มีอะไร” เฝิงจื่อซูนั่งลงที่เก้าอี้ “ทำไมหรือ? ข้าที่เป็นคุณหนูจะปิดประตูกินข้าวสักมื้อไม่ได้เลยหรืออย่างไร?”

แม่นมจางมองไปที่เฝิงจื่อซูด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นก็มองไปที่อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะและยิ้มอย่างชั่วร้าย

เฝิงจื่อซูเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของนางและค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปยังอาหาร

“โอ๊ย!”

ทันใดนั้นไห่ถังก็กุมท้องของตัวเองและทรุดลงด้วยความเจ็บปวด และใบหน้าของนางก็ซีดเผือด

เมื่อเฝิงจื่อซูพูดจบก็ยกจานขึ้นมาโยนลงบนศีรษะของแม่นมจาง แม่นมจางทำเสียงอู้อี้และอ่อนข้อลง

หงเหยียนตกใจจนหน้าซีดเผือด จากนั้นก็รีบตอบรับและวิ่งออกไป

เฝิงจื่อซูเกลียดนางจากก้นบึ้งของหัวใจ อย่างน้อยนางก็เป็นคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกที่อาศัยอยู่ในจวนกั๋วกงแห่งนี้ ทว่าคนใช้คนหนึ่งกลับกล้าวางยาในสำรับอาหารของนาง ได้ คิดว่ารังแกนางได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ วันนี้คงต้องจัดการสั่งสอนคนเหล่านี้ให้รู้สึกหวาดกลัว ไม่เช่นนั้นอนาคตเรื่องเช่นนี้คงเกิดขึ้นอีกแน่

นางคว้าผมของแม่นมจางและลากออกไป จากนั้นก็มัดไว้กับเสาที่หน้าระเบียง แม่นมจางพูดออกมาด้วยความโกรธ “คุณหนูสาม บ่าวเป็นคนที่ฮูหยินส่งมา คุณหนูทำกับบ่าวเช่นนี้ ฮูหยินไม่มีทางปล่อยไปแน่”

แววตาของเฝิงจื่อซูเยือกเย็นและก้มตัวลงไปถอดรองเท้าปักข้างหนึ่ง จากนั้นก็ตบไปที่ใบหน้าของแม่นมจางซ้ายขวากว่าสิบครั้งติดต่อกัน จากระทั่งแม่นมจางร้องไห้ ทำให้นางรู้สึกโล่งใจที่ได้ระบายความแค้น

“ข้าจะจัดการเจ้าอีกครั้งคอยดู!” นางโยนรองเท้าใส่หน้าแม่นมจางและหันหลังกลับไปดูไห่ถัง

ไห่ถังเจ็บปวดจนนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นและเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาบริเวณหน้าผาก “คุณหนู.....บ่าวจะตายแล้ว บ่าว....ไม่สามารถดูแลปรนนิบัติคุณหนูได้อีกแล้ว.....”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไร พวกนางไม่กล้าทำให้ข้าตายหรอก แค่ต้องการสั่งสอนข้าเท่านั้น” เฝิงจื่อซูกดจุดชีพจรให้นางเพื่อบรรเทาอาการปวด “ประเดี๋ยวเมื่อหมอมาถึงและให้ยากิน เจ้าก็จะหายเป็นปกติ”

นางประคองไห่ถังลุกขึ้น ไห่ถังจับมือของนางและกล่าวด้วยความเจ็บปวด “คุณหนู.....อย่าไปฟ้องซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เช่นนั้นนายท่านกั๋วกง.....ต้องเบื่อหน่ายอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

แววตาของเฝิงจื่อซูอบอุ่นขึ้น เด็กผู้หญิงคนนี้......

“หยุดพูดได้แล้ว!”

หลังจากพูดปลอบไห่ถังเสร็จ นางก็ออกไปอุ้มเสี่ยวเฮย เสี่ยวเฮยไม่เป็นอะไรแล้ว ในชาติก่อนนางรู้ว่าร่างกายของเสี่ยวเฮยสามารถทนต่อยาพิษได้ หลังจากถูกวางยาไม่นานร่างกายก็สามารถหายได้เอง ทว่าเสี่ยวเฮยได้ตายลงด้วยน้ำมือของฮูหยินอาวุโสเจียงหนิงโหวในชาติที่แล้ว

“ดูนางไว้ จำนางให้ได้ นางเป็นคนทำร้ายเจ้า!” เฝิงจื่อซูอุ้มเสี่ยวเฮยเดินมาตรงหน้าแม่นมจางและกล่าวอย่างเยือกเย็น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน