หวนเวลามาพบท่าน นิยาย บท 9

วันนี้เฝิงกั๋วกงมาถึงศาลาว่าการกำกับการ โดยมีรองผู้บัญชาการเรือนจำใต้อย่างเฝิงซิวหร่านมารับคำให้การคดีเมืองฝูโจวและบอกว่าจะไปทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท

แต่เฝิงกั๋วกงนำคำให้การกลับไปที่จวน ตกดึกพอกลับไปถึงเรือนก็อยากจะดูว่าคำให้การมีจุดไหนที่ตกหล่นหรือไม่ วันนี้พอมาที่ศาลาว่าการจึงลืมนำมาด้วย

เฝิงซิวหร่านต้องรีบเข้าวัง ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลับไปที่จวนพร้อมกันเพื่อไปเอาคำให้การ

ทันทีที่เข้าไปในจวนก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากสวนหลังเรือน แต่ในห้องโถงใหญ่กลับไม่มีใครอยู่

สีหน้าของนายท่านกั๋วกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองเฝิงซิวหร่านนิดหนึ่ง จากนั้นทั้งสองจึงรีบไปที่สวนด้านหลังทันที

เมื่อเข้าไปในเรือนหลีฮวาทั้งคู่จึงเห็นว่าซั่งกวนป๋าฟาดฝ่ามือไปที่ร่างของเฝิงจื่อซู เฝิงจื่อซูกระเด็นตัวลอยและล้มลงไปเหมือนดอกฝ้ายที่เน่าใน

เฝิงซิวหร่านโผเข้าไปรับร่างที่ร่วงหล่นลงมาโดยไม่ต้องหยุดคิด

เฝิงจื่อซูกระอักเลือดออกมา นางยังคงยืนอย่างมั่นคงและมองเฝิงซิวหร่าน

ในชีวิตก่อนนางเคยพ่ายแพ้ในมือคนผู้หนึ่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็คือแม่ทัพอู่จิ้งเฝิงซิวหร่าน

เฝิงซิวหร่านเป็นบุตรบุญธรรมของเจียงหนิงโหว เป็นพี่ชายของหานเหวินเซวียน บิดาผู้ให้กำเนิดเขาคือแม่ทัพเทพอินทรีย์เฝิงจือจง หลังจากเฝิงจือจงเสียชีวิตในสนามรบ เจียงหนิงโหวก็รับอุปการะเฝิงซิวหร่านและไม่เคยขอให้เขาเปลี่ยนสกุล

เฝิงซิวหร่านตามพ่อบุญธรรมของเขาไปออกศึกตอนอายุได้สิบสามปี เขามิได้ขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเมื่อต้องฆ่าฟันในแนวรบด้านหน้า ครั้งแรกที่ออกรบ เขาคร่าชีวิตทหารฝ่ายข้าศึกไปมากกว่าสามสิบนายจนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการในตอนนั้นชมเชยว่าเขาเป็นเหมือนบิดา และเมื่ออายุได้สิบหกปีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพอู่จิ้ง

ราชสำนักให้ความสำคัญกับแม่ทัพมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเจียงหนิงโหวจึงยิ่งมีใจที่จะสั่งสอนเลี้ยงดูเขา ตอนอายุได้ยี่สิบเอ็ดปีเขาได้รับตำแหน่งจอมพลใหญ่กองทหารม้า ยกกำลังออกไปรับมือกับพวกเซียนเปยและกลับมาพร้อมกับชัยชนะครั้งใหญ่ จากนั้นเองเขาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นอู้จิ้งโหว

ทว่าอู่จิ้งโหวผู้นี้กลับเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย

เขาเสียชีวิตในสมรภูมิเหลียงตงหลังจากได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์โหวได้สองปี เขาถูกศัตรูยิงตายเพราะช่วยชีวิตนาง และที่น่าเยาะเย้ยก็คือตอนนั้นนางตกอยู่ในอันตรายเพื่อช่วยชีวิตหานเหวินเซวียน

หานเหวินเซวียนไม่ชอบพี่ชายใหญ่ที่แสนจะธรรมดาผู้นี้มาตลอด ภายหลังเมื่อนางมาเซ่นไหว้แม่ทัพอู่จิ้ง นางก็ยังถูกเขาเสียดสีถากถางจนถึงกับเตะกระถางธูปจนคว่ำ

หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าเฝิงซิวหร่านเป็นแม่ทัพที่มีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ มีแค่หานเหวินเซวียนผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ

ในชาติก่อนนางจมอยู่กับความรู้สึกผิดต่อการตายของเฝิงซิวหร่านอยู่เนิ่นนาน

เวลานี้เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าแบบที่ยังมีชีวิต เห็นเขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำทั้งชุด รวบผมไว้ด้วยกวาน*และเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาซึ่งเคร่งขรึมสง่างาม ภายในใจของนางจึงเกิดความรู้สึกอันหลากหลาย (*กวาน คือ สิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เป็นเครื่องบอกระดับยศเกียรติ)

นัยน์ตาของเฝิงจื่อซูจมลึก เมื่อครู่นี้นางไม่ได้แพ้ซั่งกวนป๋า แต่นางได้ยินเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคย ดังนั้นนางจึงจงใจเปิดช่องว่างให้ซั่งกวนป๋าทำร้ายนาง

เมื่อเห็นเฝิงกั๋วกง นางซั่งกวนก็โผเข้าไปหาพร้อมร้องไห้ยกใหญ่ “นายท่านกั๋วกงช่วยด้วยเจ้าค่ะ จื่อซูฆ่าคน”

สีหน้าของซั่งกวนป๋าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงดึงกระบี่กลับ “โส่วเยี่ย!"

ชื่อของเฝิงกั๋วกงคือโส่วเยี่ย พวกเขาเรียกกันแบบนี้มาตลอด

เฝิงกั๋วกงพยักหน้าเล็กน้อยและเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่ซับซ้อน เขาช่วยประคองนางซั่งกวนและมองผู้คุ้มกันที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา จากนั้นจึงมองไปยังร่างไร้ชีวิตของแม่นมจางซึ่งอยู่ตรงทางเดินอีกครั้ง

ในที่สุดดวงตาของเขาจึงจับจ้องไปที่ใบหน้าของเฝิงจื่อซู ในแววตาไม่ปรากฏซึ่งอารมณ์ใดๆ “เจ้าฆ่าคนงั้นหรือ”

ไรผมของเฝิงจื่อซูยุ่งเหยิง นางค่อยๆ เดินออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว ตอบตรงๆ ว่า “ใช่เจ้าค่ะ”

นางก้าวทีละก้าวไปตรงหน้านายท่านกั๋วกง ฝ่ามือของซั่งกวนป๋าทำร้ายเส้นเลือดหัวใจของนางจนทำให้ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วอวัยวะภายใน ทำให้นางต้องใช้ลมหายใจทั้งหมดเพื่อประคองตัวเอง

เฝิงจื่อซูลากแส้เมฆาจนทำให้บนพื้นมีรอยแส้ลากยาว นางยืนอยู่ตรงหน้าเฝิงกั๋วกงพร้อมกับรอยยิ้มที่ซีดเซียวและสิ้นหวัง ถากถางอย่างเศร้าใจว่า “ถ้าไม่อยากเห็นข้าก็ให้ข้ากลับไปที่ชิงโจว เหตุใดจะต้องวางยาพิษในอาหารของข้าด้วย ท่านแม่สละชีวิตเพื่อให้กำเนิดข้า เพื่อให้ข้าได้มีชีวิตที่ดี ไม่ใช่เพื่อให้พวกท่านมาทรมานเช่นนี้”

ใบหน้าเฝิงกั๋วกงชะงักค้าง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายไม่ขยับเขยื้อนประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาด

นางเวียนศีรษะและภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่าเลือน ทันใดนั้นร่างกายของนางก็อ่อนแรงและค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้น

ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบ ท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็เอื้อมมาโอบเอวนางไว้ กลิ่นหอมจางๆ ของไม้กฤษณาลอยเข้ามาเตะจมูก ในบรรดาคนที่นางรู้จัก มีเพียงเฝิงซิวหร่านเท่านั้นที่ชอบใช้ไม้กฤษณา

นางหมดสติไปแล้ว

เฝิงซิวหร่านโอบนางไว้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูเย็นชาเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ซั่งกวนป๋า “ท่านแม่ทัพมีวรยุทธแข็งแกร่ง แต่กลับใช้มันจัดการกับสตรี แบบนี้มันดูเสียเกียรติไปหน่อยนะ”

นางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลนอง

“คุณหนู รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยังเจ้าคะ” ไห่ถังก้มลงถามเบาๆ

เฝิงจื่อซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ดีขึ้นแล้ว”

นางอยากจะพยุงตัวขึ้นแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ ดังนั้นนางจึงนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือของซั่งกวนป๋าทำร้ายเส้นเลือดหัวใจและปอดของนาง

“ท่านฝันร้ายหรือเจ้าคะ ถึงได้ร้องไห้อย่างเจ็บปวดขนาดนั้น” ไห่ถังถามอย่างสงสาร

ฝันร้าย? เฝิงจื่อซูรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างถูกบดขยี้จนแหลก รู้สึกเจ็บปวดไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ “ใช่ ฝันร้าย”

“นายท่านกั๋วกงอยู่ข้างนอก บ่าวออกไปรายงานก่อนนะเจ้าคะว่าท่านฟื้นแล้ว” ไห่ถังห่มผ้าห่มให้นางจนเรียบร้อยก่อนจะออกไป

เฝิงจื่อซูหลับตาลง ความคิดยังคงว้าวุ่น จิตใจยังคงวุ่นวายดั่งคลื่นน้ำ

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จื่อซูจึงลืมตาขึ้น

“ดีขึ้นแล้วงั้นหรือ” เฝิงกั๋วกงถามเบาๆ

เฝิงจื่อซูมองเขา ภายใต้แสงไฟที่วูบไหว สีหน้าของเขาดูอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือชาตินี้ เฝิงจื่อซูก็ไม่เคยรู้เลยว่าความรักของพ่อแม่คืออะไร

ตอนที่อยู่ในชนบท นางได้ยินแม่นมบอกว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดนางเป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่รักกันมาก ตอนที่มารดาตั้งท้องนาง บิดาของนางมีความสุขมากเหลือเกิน

พวกเขาแต่งงานกันมาสิบปีแต่มารดาของนางก็ยังไม่ท้อง ด้วยแรงกดดันจากฮูหยินผู้เฒ่า เขาจึงต้องแต่งงานรับอนุภรรยาผู้สูงศักดิ์จากตระกูลเฝิงเข้ามาเพื่อแผ่กิ่งก้านสาขา

ก่อนที่นางจะเกิด นางซั่งกวนได้ให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน หรือพูดว่าเดิมทีมีลูกสาวสองคนก็ได้ แต่เนื่องจากท้องที่สองเป็นท้องแฝด ลูกสาวอีกคนจึงเสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน