หวนเวลามาพบท่าน นิยาย บท 8

นางซั่งกวนเดือดดาลอย่างมาก จ้องมองสาวใช้หลิงที่ไม่รู้ความผู้นั้น “ยังไม่รีบไสหัวไปตามหมอมาอีก? อยากเห็นแม่นมจางเลือดไหลหมดตัวตายหรืออย่างไร?”

พูดถึงหมอ หมอก็มา

หงเหยียนพาชายวัยกลางคนร่างผอมสวมชุดสีเทาเข้ามา เขาสะพายกล่องยาไว้บนไหล่ หน้าผากมีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ไหลซึมอยู่

เขาเห็นแม่นมจาง ก็สูดอากาศเย็นๆ เข้าไปทันที “เจ็บหนักขนาดนี้เลยหรือ?”

เฝิงจื่อซูกล่าวว่า “ไม่ใช่รักษานาง แต่เป็นเด็กรับใช้ด้านในนั้น”

หมอเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติในลานบ้าน แต่เขาก็ไม่กล้าถาม เรื่องในจวนใหญ่มีแต่เรื่องแปลกๆ

หงเหยียนพาหมอไปรักษาไห่ถังภายใต้การจับจ้องอย่างใกล้ชิดของเฝิงจื่อซู

พิษของน้ำสมุนไพรต้วนฉางนั้นแก้ไม่ยาก ฝังเข็มไม่กี่เข็ม กินยาไป๋เฉ่าสองเม็ดก็แก้พิษได้แล้ว

หมอถือกล่องยาเดินออกมา เฝิงจื่อซูหยิบถุงเงินออกมาจากถุงแขนเสื้อและโยนเงินให้เขาหนึ่งตำลึง “เจ้าไปได้แล้ว”

หมอรับเงินไป ขณะที่กำลังจะไปนั้นกลับถูกนางซั่งกวนขวางเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน ห้ามเลือดให้นาง”

หมออยากจะเดินเข้าไป แต่แส้เส้นหนึ่งก็ลอยลงมาจากอากาศ “ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าใกล้นาง”

หมอมองไปที่ใบหน้ามืดมนของเฝิงจื่อซูด้วยความหวาดกลัว ตกใจจนตัวสั่นเทา รีบโบกมือแล้วจากไป

นางซั่งกวนร้องตะโกนอย่างร้อนใจ “เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ หมอมาแล้วแต่เจ้ายังไม่ยอมให้เขาช่วย เจ้าคิดจะเอาชีวิตนางจริงๆ หรือ ถ้านางตายแล้ว เจ้าก็คงหนีไม่พ้นข้อหาฆ่าคนตาย”

เฝิงจื่อซูยิ้มอย่างเฉยชา “ไม่เป็นไร”

เพราะเหตุนี้ เมื่อใดก็ตามที่มีคนเข้าใกล้แม่นมจาง เฝิงจื่อซูก็จะตวัดแส้เมฆาทันที

เมื่อเห็นแม่นมจางหมดลมหายใจ นางจึงลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเดินกลับไป

นางรู้ดีว่าการมีเมตตาต่อศัตรูคือสิ่งที่โหดร้ายต่อตัวเอง

นางรู้ดีว่านางซั่งกวนไม่ได้สั่งให้แม่นมจางวางยา แต่การวางยาในครั้งนี้เป็นความคิดของแม่นมจางเอง และเพราะเหตุนี้ ตนถึงได้ลงมือจัดการกับฆาตกร

ได้รับคำสั่งจากคนอื่นยังอ้างได้ว่าไม่มีทางเลือก วางแผนทำร้ายเจ้านาย แม้ว่าไม่ถึงตาย แต่ถ้าน้ำสมุนไพรต้วนฉางนี่ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมา คงจะกัดลิ้นชนกำแพงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่นางผนึกจุดฝังเข็มของไห่ถังไว้เสียก่อน ด้วยความสามารถต่อความอดทนของไห่ถัง เกรงว่าคงเลี่ยงการกัดลิ้นตัวเองไม่ได้

เมื่อมองใบหน้าซีดขาวของไห่ถัง หัวใจของเฝิงจื่อซูพลันสั่นสะท้าน แม่นมจางตายแล้ว เหตุใดไม่ใช้โอกาสนี้...

นางหมุนตัวกลับไปช้าๆ จ้องมองนางซั่งกวน หัวเราะเย็นชาพลางเอ่ย “คราวนี้ สวรรค์ช่วยข้าจริงๆ ฮูหยินสั่งให้แม่นมจางวางยาพิษในอาหารของข้า พยายามจะทำร้ายข้า ถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาลาว่าการ คนอื่นคงจะคิดว่าฮูหยินวางยาทำร้ายข้าเพื่อซั่งกวนเฟยเอ๋อร์หรือไม่? หานเหวินเซวียนไม่กล้าแต่งซั่งกวนเฟยเอ๋อร์เข้าจวนเพื่อเลี่ยงความสงสัย ข้าขอบคุณฮูหยินจริงๆ ที่ช่วยให้มันสมบูรณ์แบบ”

นางซั่งกวนใจสั่นสะท้าน ความชั่วร้ายผุดขึ้นในแววตาของนาง กัดฟันกล่าวว่า “ใครก็ได้มาจับตัวคุณหนูสามไว้ที แล้วเทอาหารในห้องด้านในทิ้งให้หมด”

“ฮูหยิน ประหยัดแรงไว้เถอะเจ้าค่ะ คนพวกนี้ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้?” เฝิงจื่อซูหัวเราะเยาะ กลับไปนั่งที่เก้าอี้ ใช้สายตาหยิ่งยโสมององครักษ์ที่อยากขยับแต่ก็ไม่กล้าขยับจริงๆ

พ่อบ้านกระซิบเสียงต่ำ “ฮูหยิน อาหารนี้จะทิ้งไว้ไม่ได้ แม่นมจางตายไปแล้ว นางคือคนที่ท่านส่งมา แม้ว่าท่านไม่ได้สั่งให้นางวางยา แต่ถึงอย่างไรก็ยากที่ท่านจะเลี่ยงการถูกตำหนิได้ มิสู้อาศัยช่วงที่นายท่านไปศาลาว่าการ เชิญท่านแม่ทัพมาที่จวน แล้วกำราบนางไปก่อนละขอรับ เรื่องเทอาหารทิ้งเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง คนรับใช้ของพวกเราเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางจริงๆ”

ซั่งกวนป๋าสวมชุดคลุมสีเขียวถือดาบยาวเดินตามหลังซั่งกวนเฟยเอ๋อร์มาติดๆ

เขามองไปที่ศพของแม่นมจาง ใบหน้าที่ซื่อตรงนั้นมีความตกใจปรากฏขึ้นมา และมองเฝิงจื่อซู ก่อนจะยกดาบขึ้นมาช้าๆ “จื่อซู เจ้าฆ่าคนหรือ?”

หน้าตาที่เขาแสดงออกมาทำราวกับว่าการฆ่าคนนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

ถ้าไม่ใช่ดวงตาที่เย็นเยือกราวงูพิษของเขา เฝิงจื่อซูก็คงเชื่อเขาแล้ว

“ท่านพี่” เมื่อนางซั่งกวนเห็นเขาเข้ามา สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลง ก่อนจะลดเสียงกล่าว “รีบเอาตัวนางออกไปที ต้องกำจัดอาหารเช้าที่อยู่ด้านในนั้นทิ้ง”

ซั่งกวนเฟยเอ๋อร์เห็นศพของแม่นมจาง ก็กรีดร้องตกใจถอยไปที่ด้านหลังของซั่งกวนป๋า ในแววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ท่านพ่อ ท่านพี่สังหารคนเจ้าค่ะ แล้วนางยังจะสังหารท่านป้าด้วย ท่านรีบหยุดนางที อย่าให้นางเดินทางผิดจนกลับตัวยากเลยเจ้าค่ะ”

เฝิงจื่อซูถือแส้เมฆาอยู่ในมือ ตำแหน่งที่นิ้วของนางลูบนั้นก็คือชื่อของนาง ศิษย์จื่อซู!

ท่านอาจารย์ ชาติก่อนศิษย์ไม่อาจแก้แค้นให้ท่านได้ แต่ชาตินี้ศิษย์ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ ไม่มีทางปล่อยคนในตระกูลซั่งกวนไปแม้แต่คนเดียว

ซั่งกวนป๋าเอ่ยเสียงต่ำ “จื่อซู ข้าเป็นลุงของเจ้า ไม่อาจทนดูเจ้าทำความผิดสังหารผู้คนได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะอธิบายกับพ่อเจ้าอย่างไร?”

“พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยๆ ลงหน่อย!” เฝิงจื่อซูเอ่ยอย่างเย็นชา “พ่อข้ายังมีชีวิตอยู่ ถึงคราวเจ้ามาสนใจเรื่องในจวนกั๋วกงตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

เขาทิ้งดาบยาวนั่นไป แม้ว่าพ่อบ้านจะบอกตอนมารายงานแล้วว่าเฝิงจื่อซูมีวรยุทธ์ แต่หญิงสาวผู้หนึ่งที่เติบโตในชนบท อย่างมากก็แค่มีกำลังมากขึ้นมาหน่อย และเข้าใจวรยุทธ์การต่อยตีธรรมดาๆ เล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่คนในจวนกั๋วกงสู้นางไม่ได้นั้น ก็ไม่น่าแปลก ตั้งแต่เจ้านายไปจนถึงบ่าวไพร่ในจวนกั๋วกงต่างก็เป็นพวกไร้ประโยชน์ทั้งนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนเวลามาพบท่าน