โลกคู่ขนานในอีกมิติหนึ่ง มังกรรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สบายตัว เขาจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันไปไหว้อัฐิพ่อกับแม่ที่วัดกลับมาก็อาบน้ำนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียการเดินทางโดยนั่งรถประจำทางกลับมาบ้านเกิดไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย เหนื่อยมากจริง ๆ พอเขาลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของเขาที่บ้านเกิด
หลังคามุงหญ้า ฝาผนังทำจากดินโคลนผสมฟาง ที่นี่ที่ไหน หรือเขาโดนจับตัวมาเรียกค่าไถ่ ถึงจะบอกว่าโดนจับตัวมาเขาก็ไม่มีเงินให้หรอกนะตอนนี้ ก็เหลือตัวคนเดียวแล้วเงินที่ไหนจะมี เรียนก็เพิ่งจบงานก็ยังไม่ได้ทำ จะมีก็แค่เงินประกันของพ่อแม่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเกิดการเข้าใจผิดกันแน่ ถึงได้จับเขามาขังเอาไว้ที่นี่
มังกรนอนคิดเรื่อยเปื่อยจนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าตัวเองจะมัวมานอนคิดให้เปลืองสมองทำไม ลุกขึ้นไปดูเลยดีกว่าว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่ หวังว่าคนที่จับเขามาจะให้คำตอบเขาได้ เมื่อตัดสินใจได้แล้วมังกรลุกขึ้นจากเตียงแข็ง ๆ ที่นอนจนปวดหลังมาทั้งคืน ยังไม่ทันที่จะก้าวขาลงจากเตียงก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาและก็มีความทรงจำของเด็กคนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา มังกรที่ปวดหัวล้มลงไปนอนอยู่บนเตียงเอามือกุมหัวไว้แน่น ตอนนี้เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
เวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที อาการปวดหัวถึงได้หายไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีความทรงจำของเด็กคนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนอายุ 8 ขวบเข้ามาในความทรงจำของตัวเอง เด็กชายที่ชื่อหยางเสี้ยวเกิดในครอบครัวชาวบ้านยากจน อาศัยอาชีพเพาะปลูกและหาของป่าประทังชีวิต อาศัยอยู่กับพ่อแม่ น้องชาย อายุ 6 ขวบ แต่เมื่อสามวันที่แล้วหยางเสี้ยวเกิดไม่สบายขึ้นมาและไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอในเมือง ทำได้เพียงแค่ตามหมอเท้าเปล่ามาดูเท่านั้น ประจวบกับร่างกายไม่แข็งแรงเพราะขาดสารอาหาร ทำให้เด็กชายสิ้นใจตายไปตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนพ่อของเด็กชายตามคนในหมู่บ้านไปล่าสัตว์ในป่าลึกยังไม่กลับมา
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหน แล้วความทรงจำนี่มันคืออะไร อย่าบอกนะว่าเราเองก็ตายแล้ว แล้วก็กลายเป็นผีเร่ร่อนเข้ามาอาศัยร่างของเจ้าหนูนี่ เหมือนกับนิยายแฟนตาซีที่เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเล่าให้ฟัง”
มังกรสำรวจตัวเองก็พบว่าตอนนี้เขากลายเป็นเด็กไปเสียแล้ว ด้วยมือที่เล็กมาก แขนขาเล็กเรียว เรียกว่าผอมแห้งเลยจะดีกว่า เสื้อผ้ามีแต่รอยปะชุน
“นี่มันอะไรกัน เราตายไปทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าตายไปได้ยังไง ถ้าตายไปแล้วก็แล้วไปเถอะ แต่ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ในร่างของเด็กคนนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าอีกหน่อยจะได้ตายรอบสองเหรอเนี่ย ทำไมถึงกลั่นแกล้งกันได้ขนาดนี้ แบบนี้ก็ตายไปเลยจะไม่ดีกว่าหรือยังไง”
มังกรได้แต่นั่งทำใจและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ ไม่รู้วิธีกลับไป และไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่ได้มาแบบงง ๆ อย่างไรต่อไป มังกรนั่งทึ่มทื่ออยู่บนเตียง ในตอนที่กำลังตัดสินใจว่าจะลงจากเตียงแล้วออกไปด้านนอกก็มีเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ผอมแห้งอีกคนเข้ามาดู เหมือนว่าจะเป็นหยางเสียนน้องชายของเจ้าของร่างที่มังกรมาอาศัยอยู่
“พี่ใหญ่ ท่านตื่นแล้ว ยังปวดหัวหรือไม่ ข้าจะไปตามท่านแม่นะขอรับ” ว่าจบเด็กน้อยก็หมุนตัววิ่งออกไปทันที
“เฮ้อ จะรอดไหม ทำยังไงดีล่ะทีนี้ มาได้ยังไง แล้วที่นี่มันที่ไหน ดูจากสภาพคงได้ตายรอบสองเพราะอดตายแน่” มังกรได้แต่ถอนหายใจ เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจก็มีหญิงสาวอายุไม่น่าจะเกิน 30 เข้ามาในห้อง
“เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกปวดหัวอยู่อีกหรือเปล่า” เสิ่นซื่อเฝ้าถามลูกชาย แต่กลับพบว่านอกจากลูกชายของนางจะนั่งจ้องหน้านางแล้วก็ไม่ได้รับคำตอบจากปากของเด็กชายเลยแม้แต่น้อย
มังกรที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเจ้าหนูเจ้าของร่าง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา แม่ของเจ้าหนูมีหน้าตาเหมือนแม่ของเขาที่จากไปแล้วยังกับฝาแฝด หรือว่านี่จะเป็นโลกหลังความตายที่ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน เสิ่นซื่อที่เห็นลูกชายไม่พูดไม่จา น้ำตาไหลนองหน้าก็ทำอันใดไม่ถูก นางเข้าไปจับหน้าผากลูกชายด้วยความร้อนใจ เมื่อพบว่าไม่มีไข้แล้วถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกร้องไห้ทำไม ลูกเจ็บตรงไหนบอกแม่ ลูกอย่าร้อง น้องชายลูกจะร้องตามแล้ว”
“พี่ใหญ่ท่านเป็นอะไร เจ็บตรงไหนขอรับ”
“ข้า ข้า ไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่คิดถึงท่านแม่ขอรับ”
“เจ้าลูกคนนี้นี่ ทำเอาแม่ตกอกตกใจไปหมด เอาล่ะเสียนเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่ของเจ้า แม่จะไปเอาข้าวต้มมาให้พี่ใหญ่ของเจ้ากิน”
“ขอรับท่านแม่ วางใจได้เลยข้าจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่เอง”
เสิ่นซื่อออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับชามข้าวต้มและมีถ้วยใส่ยาต้มที่กลิ่นไม่ค่อยดีเข้ามา มังกรมองไปที่ชามข้าวต้ม อย่าเรียกว่าข้าวต้มเลยเรียกว่าน้ำต้มข้าวจะดีกว่าเพราะเขามองไม่เห็นแม้กระทั่งเม็ดข้าว ไม่รู้ว่าครอบครัวนี้ยากจนข้นแค้นขนาดไหนกัน ในใจมังกรรู้สึกเศร้า เสียใจ นอกจากเศร้าเสียใจแล้วเขายังมีความหวัง เขาหวังว่าจะพาครอบครัวนี้ผ่านพ้นความยากลำบากไปให้ได้ ถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่เด็กจริง ๆ เสียหน่อย เขาอายุ 22 แล้ว ในเมื่อไม่รู้ว่าจะกลับไปได้ยังไง แถมแม่ของเจ้าเด็กเจ้าของร่างยังหน้าตาเหมือนคุณนายเพียงจิตรแม่ของเขาเสียขนาดนี้ ถ้าอย่างงั้นเขาก็จะยอมเป็นลูกที่ดีอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน
“ท่านแม่กับน้องรอง กินข้าวหรือยังขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง