หลังจากนั้นไม่นาน รษิกาจึงถามออกมาด้วยความกังวลว่า “หนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ?”
เด็กชายส่ายหัว เขาไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากช่วงเวลาที่ถูกเข็มฝังลงบนผิวหนัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นรษิการู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
เธอรอสักพักก่อนจะถึงเวลาดึงเข็มที่ฝังอยู่ทั้งหมดออก
เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กชายลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วถามออกมาอย่างไร้เดียงสาว่า “คุณรษิกาครับ ผมจะหายดีแล้วเหรอครับ?”
ความเจ็บแปลบกระทบที่หัวใจของรษิกาทันทีเมื่อได้ยินประโยคจากเด็กชาย “ยังจ้ะ เรายังต้องคอยดูแลหนูต่อไปในอนาคต อย่าลืมใส่ใจกับสุขภาพให้มากขึ้นกว่านี้และอย่าออกกำลังกายหนักๆ นะ โอเคไหม?”
เด็กชายหยักหน้าตอบรับ
จากนั้นรษิกาจึงดำเนินการสั่งยาแผนโบราณให้เด็กชาย และขณะนั้นเองเจตนินก็คอยให้คำแนะนำรษิกาอย่างมากมาย
หลังจากอธิบายทุกอย่างจนครบถ้วน เธอยอมรับข้อเสนอแนะและเปลี่ยนแปลงใบสั่งยาตามที่เขาแนะนำ
เมื่อออกใบสั่งยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กชายจึงได้หยิบกระดาษไปหาเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่จัดยา
ความโศกเศร้าแสดงออกมาทั่วใบหน้ารษิกาขณะที่เธอมองดูเด็กชายเดินจากไป
อาจเป็นเพราะการรักษาเด็กคนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และความเจ็บป่วยของเด็กชายคนนั้นก็ไม่ได้รุนแรงจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นรษิกาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่ไปกับเขา
หากเขาเป็นเด็กธรรมดาที่ไม่ได้กำพร้า พ่อแม่ของเด็กชายคงจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อดูแลอาการป่วยของเขา แต่เด็กคนนี้ดันกำพร้าน่ะสิ… ถ้าไม่ใช่เพราะมีการให้คำปรึกษา เขาคง…
ขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความโศกเศร้า เสียงของเจตนินก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ การรักษาต่อจากนี้ ทางครอบครัวผมไม่เก็บค่าใช้จ่ายอะไรหรอกครับ เราจะสังเกตอาการของเขาต่อไปจนกว่าเขาจะหายดี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รษิกาจึงหันกลับมามองเขาด้วยสายตาซาบซึ้งใจ “ฉันอยากจะขอบคุณครอบครัวของคุณแทนเด็กคนนี้ด้วยนะคะ”
เจตนินหัวเราะออกมาอย่างเต็มใจ หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เขาเลิกคิ้วขึ้นมองของฝากที่เหลือที่รษิกาแขวนไว้ข้างกำแพง “คุณจะทำยังไงต่อกับของพวกนั้นครับ?”
เมื่อมองตามสายตาของเจตนิน รษิกาจึงรีบคว้ากระเป๋าแล้วบอกว่า “รอฉันสักครู่นะคะ ฉันจะแจกของพวกนี้ให้กับเด็กคนอื่นๆ ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจตนินจึงพยักหน้าตอบรับและรอเธอ
เห็นได้ชัดว่ารษิกากำลังมีช่วงเวลาที่ดีกับเด็กๆ มากขนาดไหน และเธอคงจะไม่อยากกลับเข้ามาด้านในในตอนนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจตนินจึงหันกลับมามองพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้น
ขณะที่เขากดรับสายเลอศิลป์ไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที ดังนั้นเขาจึงจงใจเงียบเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นานเสียงทุ้มลึกของเลอศิลป์ก็ดังขึ้นว่า “คุณทำอะไรอยู่?”
เขานิ่งไปชั่วครูก่อนจะนึกขึ้นได้พร้อมกับตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เกินจริงว่า “คุณเลอศิลป์เหรอ? นี่ผมกำลังคาดหวังให้เป็นคนอื่นอยู่นะ ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ว่าแต่ คุณโทรมาทำไม? คุณต้องการอะไรจากคุณรษิกาอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อเขาพูดจบ ความเงียบก็เข้าครอบงำภายในสายสนทนา
แม้ว่าเจตนินจะไม่ได้พูดอะไรอีก แต่สีหน้าและน้ำเสียงของเขาอาจทำให้คนอื่นเขาใจผิดได้ง่าย
สายสนทนามีแต่เสียงลมหายใจของพวกเขาเท่านั้น
ราวกับว่าพวกเขากำลังหยุดนิ่ง… ไม่มีใครพูด และไม่มีใครกดวางสาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...