“คุณจะไปทำงานที่เจตมณีเหรอ?” รษิกาอดถามไม่ได้ขณะที่รถค่อยๆ เร่งความเร็วไป
เลอศิลป์พยักหน้าตอบคำถามเธอ ดวงตาเขาไม่ละไปจากถนน “มีปัญหากับเรื่องบัญชีสาขาน่ะ ผมต้องไปตรวจสอบดู”
ดวงตาของรษิกามีแววสงสัย “แล้วคุณต้องไปเองเลยเหรอ?”
เธอคิดว่าการที่เลอศิลป์ต้องไปดูบัญชีด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่มากเกินไปหน่อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้เรื่องธุรกิจมากนักก็ตาม
สีหน้าของเลอศิลป์ยังคงไม่เปลี่ยนแปรไป “คนดูแลต้องเป็นคนในครอบครัวฟ้าศิริสวัสดิ์ คนอื่นอาจจะไม่สามารถจัดระเบียบทุกอย่างได้ ผมก็เลยต้องไปเอง”
มันเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ซึ่งรษิกาก็เชื่อไปแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
เธอเดาว่างานของเลอศิลป์ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการนั่งในห้องทำงานและวางแผนกลยุทธ์ โดยที่เธอไม่สนใจข้อเท็จจริงที่ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากมายในธุรกิจยังคงต้องการเวลาและความเอาใจใส่จากเขา
“ว่าแต่คุณล่ะ? ทำไมถึงได้เดินทางไปทำงานหลังจากเพิ่งหายป่วย?” เลอศิลห์หันมามองเธอด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง
ความรู้สึกผิดทำให้เธอกลับจากภวังค์ เธอพยายามเตรียมใจที่จะบอกความจริงกับเขา แต่คำพูดเหล่านั้นก็หลุดลอยไปเมื่อเธอนั่งอยู่ข้างๆ เลอศิลป์
“ฉัน...” รษิกาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบอย่างเลี่ยงๆ “ฉันจะไปช่วยเรื่องฉุกเฉินที่บ้านพักคนชราในเจตมณี”
เธอตระหนักว่าเธอได้พูดสิ่งที่เธอไม่ควรพูด และความเสียใจก็เข้ามาครอบงำเธอทันที แต่คำพูดเมื่อพูดไปแล้วกลับไม่สามารถถอนกลับได้
สักพักหนึ่ง เสียงของเลอศิลป์ก็ดังขึ้น “ไม่มีอะไรแล้ว การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นงานของคุณ และผมก็ไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานของคุณได้ เจตนินเป็นหมอที่เก่งจริงๆ ผมมั่นใจว่าคุณทั้งคู่จะรักษาความสัมพันธ์ของคุณอย่างมืออาชีพอย่างเคร่งครัด”
เธอรู้สึกถึงความไม่ลงรอยกันอย่างท่วมท้นเมื่อนึกถึงอคติของเลอศิลป์ที่มีต่อเจตนิน แต่แล้วกลับได้ยินสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้
เธอประหลาดใจมากจนไม่สังเกตเห็นข้อนิ้วสีขาวของเลอศิลป์ที่เกาะพวงมาลัยรถไว้แน่นในระหว่างการสนทนา
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หมายความตามที่เขาพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...