พอเด็กชายทั้งสองขึ้นไปข้างบนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของรษิกาก็ค่อยๆ จางหายไป
เมธินีปิดโทรทัศน์และขยับเข้ามาใกล้พลางถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไป? มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รษิกาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้เมธินีฟัง โดยทอนส่วนที่น่าตกใจออกบ้าง “ฉันเจอเลอศิลป์ตอนไปกินมื้อค่ำเมื่อครู่นี้”
ไม่มีใครที่รษิกาสามารถพูดคุยเรื่องเมื่อหกปีก่อนด้วยได้นอกจากเมธินี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เมธินีก็ตัวแข็งทื่อ จากนั้นเธอก็กระซิบออกมาว่า “โชคชะตาลิขิตชีวิตพวกเธอยังไงกันเนี่ย? เมืองหัสดินก็ออกกว้างขวาง และฉันก็คิดว่าโอกาสที่พวกเธอจะเจอกันมันแทบจะเป็นศูนย์ถ้าไม่ตั้งใจจะตามหากันจนเจอเองน่ะนะ”
รษิกาหลุบตาลงต่ำราวกับว่าเธอจมอยู่ในความคิด
“แล้วเธอคิดยังไงหลังจากได้เจอเขาแล้ว?” เมธินีถามต่อ
รษิกาคว่ำปาก “ฉันจะคิดเรื่องอะไรได้อีกล่ะ? ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขามันจบไปตั้งหกปีแล้ว ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย นอกจากคนแปลกหน้า ฉันไม่ได้รู้สึกสะเทือนอะไรเพราะเขาอีกแล้วล่ะ สิ่งที่ฉันต้องทำตลอดชีวิตที่เหลือก็มีแค่ดูแลอชิกับเบนนี่และใช้ชีวิตกับพวกเขาไปอย่างดีที่สุดเท่านั้นแหละ”
ดูเหมือนเธอคิดเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว
เมธินีถอนหายใจโล่งอกก่อนจะตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ “ดีแล้วล่ะ เธอเป็นผู้หญิงเก่ง แถมยังมีคนตั้งมากมายมาขายขนมจีบ ค่อยๆ ดูแล้วก็ค่อยๆ เลือกไป ทิ้งอีตาบ้านั่นไว้ให้เป็นแค่อดีตไปซะเถอะ”
รษิกาพยักหน้าให้เพื่อน เธอไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่ออีกจึงบอกว่า “เออ จะว่าไป ตั้งแต่กลับมาฉันก็ยังไม่มีโอกาสไปซื้อรถไว้สักคันเลย วันนี้ฉันต้องอาศัยรถของเพื่อนที่ทำงานกลับมาจากงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วมันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พรุ่งนี้เช้าเธอว่างไปเลือกรถกับฉันไหมล่ะ?”
ความสนใจของเมธินีเปลี่ยนไปที่เรื่องนี้ทันทีทันใด แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรษิกาถึงจะต้องซื้อรถด้วย “ทำไมต้องซื้อรถด้วยล่ะ? ฉันมีรถอยู่สองสามคันจอดอยู่ในโรงรถ เธอก็ไปเลือกเอาสิ”
รษิกาหัวเราะเบาๆ ขณะที่เลิกคิ้วถาม “นี่เธอใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลังจากมองหน้ากันพักหนึ่ง เมธินีก็โอบแขนกอดคอรษิกาไว้และพูดว่า “ใช่สิยะ ยังไงเธอก็เป็นแม่ของลูกทูนหัวฉัน! อะไรที่เป็นของฉัน มันก็เป็นของเธอนั่นแหละน่า!”
“งั้นก็ขอบใจมากเลยนะ” รษิกาบอกเมธินี
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ เมื่อพวกเธอเหลือบมองเวลาอีกครั้ง มันก็ดึกมากแล้ว เมธินีจึงเดินกลับบ้านของเธอซึ่งอยู่ข้างๆ ไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
หลังจากรษิกาอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เข้านอน แต่กระนั้น เธอก็นอนไม่หลับอยู่ดี
เธอใช้เวลานานในการพลิกตัวไปมาก่อนจะเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
ในฝันของเธอ เธอกลับไปอยู่ในห้องส่วนตัวอันว่างเปล่าที่ร้านริมชลธาร
ภายในห้องนั้น เลอศิลป์กำลังตรึงเธอไว้กับกำแพง เขาหรี่ตาและโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
ขณะที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน รษิกาก็สะดุ้งตื่น ร่างเธอมีแต่เหงื่อชุ่มโชกไปหมด
หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว เธอก็หลับไม่ลงอีกเลย
ดังนั้น เช้าวันต่อมา รษิกาจึงมีขอบตาดำคล้ำไปหมด เธอนั่งลงข้างเด็กๆ ที่โต๊ะทานอาหารขณะที่เด็กแฝดกำลังทานมื้อเช้ากันอยู่
รษิกาขยี้ผมพวกเขาด้วยความเอ็นดู “ลูกก็เหมือนกัน อยู่ที่โรงเรียนต้องเป็นเด็กดีนะ แม่จะมารับลูกอีกทีตอนเย็นนะคะ”
เด็กทั้งสองพยักหน้าอย่างว่าง่ายและเดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน
รษิกาออกจากโรงเรียนเมื่อเด็กๆ เดินลับสายตาไปแล้ว จากนั้นเธอก็สตาร์ทรถและค่อยๆ ขับออกจากประตูโรงเรียน
สองนาทีต่อมา รถโรลส์รอยซ์คันหนึ่งก็มาปรากฏที่หน้าทางเข้าโรงเรียนอนุบาล
ครรชิตลงมาจากรถก่อนจะเปิดประตูผู้โดยสารด้านหลัง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ อุ้มไอรดาลงมาจากรถ
เมื่อเท้าของไอรดาสัมผัสพื้น เธอก็หันไปโบกมือลาพ่อของเธอ
“เข้าไปได้แล้วค่ะ” เลอศิลป์พูดอย่างอ่อนโยนขณะที่เขาลูบหัวเธอ
ไอรดาพยักหน้าตอบก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ความสงสัยคืบคลานเข้ามาในแววตาของเลอศิลป์ขณะที่มองไอรดาเดินเข้าโรงเรียนไป
ไอรดาดูมีความสุขมากกว่าปกติ
อาจเป็นเพราะเธอไม่ค่อยระแวดระวังมากแล้วเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆ ในโรงเรียนอนุบาล ดูเหมือนจิตแพทย์จะพูดถูก อาการออทิสติกของเธอนั้นจะดีขึ้นถ้าฉันปล่อยให้เธอได้เล่นกับเพื่อนมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...