เลอศิลป์ละสายตาจากไอรดาเมื่อเห็นคุณครูเดินมารับเธอเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็บอกครรชิตว่า “ไปกันเถอะ”
ครรชิตพยักหน้าและขับรถตรงไปยังบริษัทฟ้าศิริสวัสดิ์กรุ๊ป
เมื่อเลอศิลป์มาถึงที่หมาย เขาก็รีบไปเข้าร่วมการประชุมผู้บริหารทันที
กว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นก็กินเวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง
เลอศิลป์รีบตรงกลับไปที่ห้องทำงาน
“เลอศิลป์กลับมาแล้วเหรอคะ”
เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องทำงาน เสียงทักทายของอัญชสาก็ดังขึ้นมาทันที
การได้ยินเสียงเธอทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้ว
จากนั้นเขาก็เห็นอัญชสาในชุดสูทสีดำยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ดูราวกับว่าเธอรอเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว
“มาตั้งแต่เมื่อไร?”
เลอศิลป์ตรงไปยังอีกฟากหนึ่งของโต๊ะทำงานก่อนจะกวาดตามองเอกสารบนโต๊ะ จากนั้นก็จ้องมองใบหน้าของอัญชสา
อัญชสานั่งลงหลังจากเห็นว่าเขานั่งเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าเธอไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย “เมื่อครู่นี้ครรชิตบอกว่าคุณกำลังประชุมอยู่”
ในขณะนั้นเอง เธอสังเกตเห็นสะเก็ดแผลที่มุมปากของเลอศิลป์ หัวใจเธอก็สั่นระรัว “นี่คุณ… เจ็บปากหรือเปล่าคะ?”
แววแห่งความไม่พอใจเต้นเร่าอยู่ในดวงตาของเลอศิลป์เพราะการถามเช่นนั้นเหมือนเป็นการย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เสียงของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมามากกว่าเดิม “ผมเผลอกัดปากตัวเองน่ะ ไม่เห็นต้องตกใจอะไรขนาดนั้นเลย”
อัญชสาพยักหน้าอย่างมีความลังเลเจืออยู่ เธอปลอบใจตัวเองด้วยการบอกกับตัวเองว่าหลายปีที่ผ่านมาไม่มีหญิงใดเข้าใกล้เลอศิลป์อีกแล้วนอกจากเธอเพียงคนเดียว ดังนั้นความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจเธอมันเป็นเพียงแค่ความหวาดระแวงไปเอง
ด้วยคิดเช่นนั้น เธอก็สบายใจขึ้นมามาก
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไมเหรอ?” เลอศิลป์ถามเรียบๆ
อัญชสาได้ยินอย่างนั้นก็ตั้งสติและยิ้มออกมาอีกที “ฉันมีธุระเรื่องงานน่ะ โครงการที่ครอบครัวฉันทำอยู่เหลือแค่เซ็นสัญญาเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ฉันก็เลยต้องมาถามๆ ดูเผื่อว่าจะมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม อีกอย่าง พ่อกับแม่ฉันให้มาถามด้วยว่าคืนนี้คุณจะไปกินข้าวที่บ้านฉันได้ไหม พ่อแม่คุณก็จะมาด้วยนะ ว่าแต่คืนนี้คุณว่างหรือเปล่าล่ะคะ”
อัญชสาคว่ำปากขณะที่ต้องมองชายตรงหน้าอย่างขมขื่น “เลอศิลป์คะ ฉันรอมาหกปีแล้วนะ แล้วหกปีนี่มันก็นานพอจะทำให้ผู้หญิงคนนึงมีอะไรๆ ขึ้นมาได้ตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอ? แน่นอนว่าฉันไม่รังเกียจที่จะต้องรอคุณหรอกนะ แต่ถ้าชะตาลิขิตให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน แล้วทำไมคุณยังไม่อยากแต่งงานสักทีล่ะ? อย่างน้อย ผู้อาวุโสในตระกูลเราสองคนก็จะได้รู้สึกมั่นใจว่าเราได้เป็นฝั่งเป็นฝากันไปเสียที”
ขณะที่พูดอยู่นั้น อัญชสาก็คอยมองท่าทีของเลอศิลป์ด้วยความระแวดระวัง เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่สะท้านสะเทือนอะไร เธอจึงดึงสติตัวเองและเสริมขึ้นมาว่า “เราก็วางแผนจะแต่งงานกันมาตั้งแต่ต้น แล้วทำไม…”
“ผมเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ” เลอศิลป์พูดแทรกอย่างเย็นชา “แต่ตัวคุณเองนั่นแหละที่น่าจะรู้ดีว่าทำไมผมถึงให้คำสัญญาไปแบบนั้น”
ความกลัวแล่นผ่านขั้วหัวใจอัญชสาเมื่อเห็นท่าทีของเลอศิลป์
“ผมคิดว่าตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ได้ชดเชยให้ตระกูลภักดีสรวงไปมากพอแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว การชดเชยที่ได้รับนั้นสูงเกินกว่างานหมั้นนี้มาก แม้ว่าเราจะไม่ได้หมั้นหมายกัน แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
เสียงของเลอศิลป์เรียบนิ่งตลอดเวลาที่พูดออกมา ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า เขาเตรียมจะพูดเรื่องนี้มานานแล้ว
เมื่ออัญชสาได้ยินอย่างนั้น เธอก็เบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่ความหวาดกลัวปัญหาใหม่ได้ก่อตัวอยู่ภายในใจเธอ
ชัดแล้วว่าเลอศิลป์ต้องการจะยกเลิกการหมั้นหมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...