ในหัวของรษิกาก็มีความคิดแบบเดียวกัน หรือเด็กหญิงคนนี้จะเป็นใบ้?
ความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อเด็กหญิงคนนี้เพิ่มสูงขึ้น เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ส่งมือมาให้ฉันได้ไหมจ๊ะ?”
ขณะที่พูดเช่นนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปหาเด็กหญิง
แม้จะยังต้องมองด้วยความเขินอาย แต่เด็กหญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะเกร็งน้อยลงเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น
รษิกาอดทนรออย่างใจเย็นเพื่อให้เด็กหญิงคนนั้นยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ
หลังจากลังเลอยู่นาน เด็กน้อยก็เอื้อมมือออกมาคว้ามือของรษิกาไว้ด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นเช่นนั้น รษิกาก็จับมือเด็กน้อยไว้อย่างอ่อนโยนและช่วยเธอให้ลุกขึ้น รษิกาไม่ลืมตรวจดูอีกครั้งว่าเด็กหญิงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จริงหรือเปล่า
เพราะการกระทำของรษิกา ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น
เด็กน้อยตัวนุ่มนิ่ม เธอมีกลิ่นหอมเหมือนนมอุ่นๆ
รษิกาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูกสาวตัวเองที่เสียไปตั้งแต่แรกเกิด
หากเธอได้เติบโตมา เธอก็คงจะอายุไล่เลี่ยกับเด็กคนนี้
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว รษิกาก็รู้สึกเจ็บปวดใจและเสียใจเป็นที่สุด
เด็กน้อยหยุดนิ่งและจ้องหน้ารษิการาวกับว่าสัมผัสถึงความรู้สึกของรษิกาได้
ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูดกับคนแปลกหน้า แต่ผู้หญิงคนนี้ใจดีจริงๆ แปลกจังที่ฉันรู้สึกอยากเข้าใกล้เธอ
ในเวลานั้น เมธินีก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้โห เด็กน้อยน่ารักจังเลย หน้าตาน่ารักเหมือนลูกๆ เราเลยนะ!”
รษิกาพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันว่าเธอคงหลงทาง พาเธอไปสถานีตำรวจกันก่อนดีกว่านะ แล้วค่อยดูว่าจะติดต่อครอบครัวเธอได้ไหม”
หลังจากพูดจบแล้ว เด็กน้อยก็ดึงมือเธอเบาๆ
รษิกามองลงมาด้วยความสับสน
เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง ขณะที่ดวงตาของเธอแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเธอจะจมหายไปในทะเลน้ำตาได้ในทุกนาที
ชัดเจนว่าเด็กน้อยไม่อยากให้เธอทำเช่นนั้น
พอได้เห็นการแสดงออกที่ว้าวุ่นใจของเด็กน้อย มันก็ทำให้หัวใจของรษิกากระตุกขึ้นมาจริงๆ
แม้เธอจะไม่มีทางเลือกอื่นใด แต่หากไม่ส่งเด็กหญิงไปที่สถานีตำรวจ เธออาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลักพาตัวเด็กน้อยคนนี้มาก็ได้
รษิกาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก
“เอาล่ะ เราจะไม่ไปสถานีตำรวจกันก็ได้” เธอย่อตัวลงนั่งและพยายามเจรจากับเด็กหญิง “หนูมีเบอร์พ่อแม่ไหมจ๊ะ? ฉันจะได้โทรไปเรียกให้พวกเขามารับหนู”
เด็กคนนั้นหยุดส่ายหน้า แต่เธอทรุดตัวลงนั่งด้วยความสลดใจแทน
ทันใดนั้น หญิงสาวที่แต่งหน้าหนาเตอะก็เร่งรีบเข้ามาในคฤหาสน์พลางถามอย่างกระวนกระวายว่า “เลอศิลป์ ฉันได้ยินมาว่าไอวี่หายไปเหรอ? จริงหรือเปล่า? คุณหาเธอเจอไหม?”
หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอัญชสา คนที่เลอศิลป์อยากจะแต่งงานด้วยเมื่อก่อนหน้านี้
แต่กระนั้น เลอศิลป์ก็ยังคงแผ่รังสีทรงอำนาจต่อหน้าเธออยู่ “ยังหาไม่เจอ แต่ไหนๆ คุณก็มาแล้ว ผมอยากจะรู้ว่าคุณพูดอะไรกับไอวี่เมื่อช่วงบ่าย ทำไมเธอหนีออกจากบ้านไปอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้?”
อัญชสาดูมีท่าทีแปลกใจที่ได้ยินเขาถามอย่างนั้น เธอจ้องหน้าเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เลอศิลป์ คุณพูดอะไรออกมา? นี่คุณจะบอกว่าฉันไปทำร้ายไอวี่เหรอ?”
เธอทำท่าเหมือนเจ็บปวดใจก่อนจะเสริมว่า “ฉันไม่เคยทำอะไรไอวี่เลย! ถ้าคนอื่นเข้าใจฉันผิด ฉันจะไม่ว่าเลยนะ แต่คุณก็เห็นนี่ว่าฉันดูแลเอาใจใส่ไอวี่ดีแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา! ถึงไอวี่จะเย็นชาใส่ฉันก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่สนใจและดูแลเธออย่างดีต่อไป ฉันไม่เคยตะคอกไอวี่เลย ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะทำร้ายเธอจนต้องหนีออกจากบ้านแบบนี้!”
ด้วยดวงตาที่แดงก่ำและท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้เลอศิลป์เชื่อว่า เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของไอรดาเลย
ลึกๆ แล้ว เธอไม่ต้องการอะไรเลยนอกเสียจากให้เด็กใบ้นั่นหายตัวไปตลอดกาล
อันที่จริง เธอทำรุนแรงต่อไอรดาในบ่ายวันนั้น เธอบอกเด็กน้อยคนนั้นว่าเธอจะคลอดลูกที่น่ารักมากกว่าไอรดาหลังจากแต่งงานกับเลอศิลป์เรียบร้อยแล้ว
จากนั้น เลอศิลป์ก็จะไม่รักไอรดาอีกต่อไป
ในเมื่อไอรดาพูดไม่ได้ อัญชสาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเด็กนั่นจะพูดถึงการกระทำที่ไม่ดีของเธอให้เลอศิลป์ฟังหรือเปล่า
แต่ทว่า เธอเองก็ไม่คิดว่าไอรดาจะลงเอยด้วยการหนีออกจากบ้านไปเช่นนี้
งั้นก็ดี! แล้วจะยิ่งดีไปใหญ่ถ้าไม่กลับมา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็จะไม่ต้องเจอเธออีกต่อไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...