หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 5

เลอศิลป์จ้องเธอเงียบๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่ง

ระหว่างนั้น อัญชสาก็จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือตัวเองเพื่อห้ามใจไม่ให้แสดงอาการอะไรออกมา

“คุณไม่ควรโกหกนะ”

หลังจากนั้นไม่นาน เลอศิลป์ก็ละสายตาจากเธอและหันไปหาครรชิต “ตำรวจติดต่อกลับมาบ้างไหม?”

ครรชิตตอบเสียงเศร้า “ยังเลยครับ”

เขาเหลือบมองเลอศิลป์ช้าๆ ก่อนจะถามว่า “เป็นไปได้ไหมครับว่ามีคนลักพาตัวคุณหนูไอรดาไป?” น้ำเสียงของครรชิตเจือไปด้วยความกังวล

เด็กหญิงคนนั้นเป็นลูกสาวสุดที่รักของเลอศิลป์ เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีในตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ ดังนั้นจึงตกเป็นเป้าของบรรดาคู่แข่งที่จ้องทำร้ายเลอศิลป์ ก่อนหน้านี้ เธอเคยเกือบถูกลักพาตัวมาแล้วด้วย

ในตอนนี้เธออยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ และแม้แต่ตำรวจเองก็หาเธอไม่เจอ ดังนั้นครรชิตจึงอดคิดไม่ได้ว่า อย่างร้ายที่สุดเธออาจจะถูกลักพาตัวไป

สายตาของเลอศิลป์เคร่งเครียดขึ้นราวกับฟ้าจะผ่า “เพิ่มกำลังคนเข้าไปและขยายพื้นที่การค้นหา ฉันต้องการเจอเธอให้ได้ภายในวันนี้!”

“รับทราบครับ!” ครรชิตตอบเสียงดังลั่น

เขารู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง เมื่อตระหนักได้ว่าเจ้านายของเขากำลังเดือดดาลมากแค่ไหน

เลอศิลป์กำลังจะหมุนตัวเดินออกไปขณะที่โทรศัพท์เขาดังขึ้นมา

ในเวลานี้ เขาไม่มีอารมณ์จะคุยโทรศัพท์ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะกดตัดสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของคนที่ไม่รู้จัก

แต่เมื่อนึกถึงคำของครรชิตเมื่อครู่นี้ เลอศิลป์ก็นิ่วหน้าและกดรับสาย

เสียงของผู้หญิงดังก้องขึ้นมา “ฮัลโหล”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลอศิลป์ก็หรี่ตาด้วยความสงสัย

ทำไมเสียงนี้เหมือนเสียงของเธอนักนะ?

ร่างของคนที่เขาเห็นในสนามบินเมื่อบ่ายนี้ฉายวาบขึ้นมาในหัวเขา

“ฮัลโหล? มีใครฟังอยู่หรือเปล่าคะ?” รษิกาย้ำถามด้วยความสงสัยหลังจากมีคนรับสายแล้วครู่หนึ่ง

เลอศิลป์ตั้งสติได้และตอบห้วนๆ ว่า “ฟังอยู่”

คำตอบของเขามีเพียงสองพยางค์เท่านั้น มันสั้นมากเกินกว่าที่จะทำให้รษิการู้ว่าเป็นเสียงของเลอศิลป์

รษิกาถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเขาตอบกลับมา “สวัสดีค่ะ ฉันบังเอิญเจอเด็กหญิงคนนึงเข้า และเธอให้เบอร์คุณมา คุณคงจะเป็นพ่อของเธอใช่ไหมคะ? คุณสะดวกมารับเธอตอนนี้ไหมคะ?”

เสียงของเธอดังก้องในหูเขาอย่างชัดเจนและกังวานอยู่ในความคิดของเขา

ยิ่งเธอพูดมากเท่าไร แววตาของเลอศิลป์ก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเท่านั้น

เมื่อเธอพูดจบ ดวงตาของเลอศิลป์ก็แทบจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว

“ถ้าไม่อยากเข้าไปข้างใน ฉันจะรออยู่นี่กับหนูก่อนก็ได้จ้ะ” รษิกาพูดเสริมด้วยความอดทน

เมื่อได้ยินอย่างนั้น อชิกับเบนนี่ก็เสริมขึ้นมาว่า “เราจะรออยู่นี่กับแม่ด้วยครับ!”

เมธินีเอามือตบหน้าผากตัวเองด้วยความหงุดหงิด “นี่ฉันเป็นคนเดียวที่หิวเหรอ? หนูน้อยจ๋า พวกเราไม่ใช่คนไม่ดีหรอก คนไม่ดีเขาไม่มาเลี้ยงข้าวหนูในร้านอาหารแพงๆ อย่างนี้หรอกน่า! หนูคงต้องหิวมากแน่เลย เข้าไปข้างในกับเราก่อนเถอะ ไม่เห็นต้องดื้อรั้นเลย”

ทุกคนต่างจ้องไปยังเด็กหญิงคนนั้น

อชิกับเบนนี่ก็หิวเหมือนกัน พวกเขาจึงจ้องเด็กหญิงคนนั้นด้วยคาดหวังในคำตอบของเธอ

เด็กน้อยกัดปากและขยับตัวเข้าใกล้รษิกา ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของรษิกาและพยักหน้าให้อย่างระแวดระวัง

“ไม่ต้องฝืนใจก็ได้นะจ๊ะ” รษิกาบอกเธออย่างอ่อนโยนราวกับอ่านใจเด็กหญิงคนนั้นออก

เด็กหญิงส่ายหน้าอีกครั้ง

เมื่อเห็นอย่างนั้น รษิกาก็ลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู เธอคว้ามือของเด็กหญิงและพาเข้าไปในร้านอาหาร

เมธินีจูงเด็กชายทั้งสองคนไว้และมองเด็กหญิงที่วิ่งเหยาะๆ อยู่ข้างรษิกาอย่างว่าง่าย ก่อนจะแซวว่า “เมื่อครู่นี้ยังระแวงพวกเราอยู่เลย ตอนนี้เกาะติดเธอแจซะแล้วนะ”

เมธินีถอนหายใจและคร่ำครวญออกมาว่า “อันที่จริง คนหน้าตาดีนี่ก็มีแต่คนชอบเสมอแหละ”

รษิกายิ้มแทนคำตอบและจับมือเด็กหญิงแน่นขึ้นโดยไม่พูดตอบโต้คำหยอกล้อของเมธินีเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม