เลอศิลป์จ้องเธอเงียบๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่ง
ระหว่างนั้น อัญชสาก็จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือตัวเองเพื่อห้ามใจไม่ให้แสดงอาการอะไรออกมา
“คุณไม่ควรโกหกนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน เลอศิลป์ก็ละสายตาจากเธอและหันไปหาครรชิต “ตำรวจติดต่อกลับมาบ้างไหม?”
ครรชิตตอบเสียงเศร้า “ยังเลยครับ”
เขาเหลือบมองเลอศิลป์ช้าๆ ก่อนจะถามว่า “เป็นไปได้ไหมครับว่ามีคนลักพาตัวคุณหนูไอรดาไป?” น้ำเสียงของครรชิตเจือไปด้วยความกังวล
เด็กหญิงคนนั้นเป็นลูกสาวสุดที่รักของเลอศิลป์ เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีในตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ ดังนั้นจึงตกเป็นเป้าของบรรดาคู่แข่งที่จ้องทำร้ายเลอศิลป์ ก่อนหน้านี้ เธอเคยเกือบถูกลักพาตัวมาแล้วด้วย
ในตอนนี้เธออยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ และแม้แต่ตำรวจเองก็หาเธอไม่เจอ ดังนั้นครรชิตจึงอดคิดไม่ได้ว่า อย่างร้ายที่สุดเธออาจจะถูกลักพาตัวไป
สายตาของเลอศิลป์เคร่งเครียดขึ้นราวกับฟ้าจะผ่า “เพิ่มกำลังคนเข้าไปและขยายพื้นที่การค้นหา ฉันต้องการเจอเธอให้ได้ภายในวันนี้!”
“รับทราบครับ!” ครรชิตตอบเสียงดังลั่น
เขารู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง เมื่อตระหนักได้ว่าเจ้านายของเขากำลังเดือดดาลมากแค่ไหน
เลอศิลป์กำลังจะหมุนตัวเดินออกไปขณะที่โทรศัพท์เขาดังขึ้นมา
ในเวลานี้ เขาไม่มีอารมณ์จะคุยโทรศัพท์ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะกดตัดสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของคนที่ไม่รู้จัก
แต่เมื่อนึกถึงคำของครรชิตเมื่อครู่นี้ เลอศิลป์ก็นิ่วหน้าและกดรับสาย
เสียงของผู้หญิงดังก้องขึ้นมา “ฮัลโหล”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลอศิลป์ก็หรี่ตาด้วยความสงสัย
ทำไมเสียงนี้เหมือนเสียงของเธอนักนะ?
ร่างของคนที่เขาเห็นในสนามบินเมื่อบ่ายนี้ฉายวาบขึ้นมาในหัวเขา
“ฮัลโหล? มีใครฟังอยู่หรือเปล่าคะ?” รษิกาย้ำถามด้วยความสงสัยหลังจากมีคนรับสายแล้วครู่หนึ่ง
เลอศิลป์ตั้งสติได้และตอบห้วนๆ ว่า “ฟังอยู่”
คำตอบของเขามีเพียงสองพยางค์เท่านั้น มันสั้นมากเกินกว่าที่จะทำให้รษิการู้ว่าเป็นเสียงของเลอศิลป์
รษิกาถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเขาตอบกลับมา “สวัสดีค่ะ ฉันบังเอิญเจอเด็กหญิงคนนึงเข้า และเธอให้เบอร์คุณมา คุณคงจะเป็นพ่อของเธอใช่ไหมคะ? คุณสะดวกมารับเธอตอนนี้ไหมคะ?”
เสียงของเธอดังก้องในหูเขาอย่างชัดเจนและกังวานอยู่ในความคิดของเขา
ยิ่งเธอพูดมากเท่าไร แววตาของเลอศิลป์ก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเธอพูดจบ ดวงตาของเลอศิลป์ก็แทบจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว
“ถ้าไม่อยากเข้าไปข้างใน ฉันจะรออยู่นี่กับหนูก่อนก็ได้จ้ะ” รษิกาพูดเสริมด้วยความอดทน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อชิกับเบนนี่ก็เสริมขึ้นมาว่า “เราจะรออยู่นี่กับแม่ด้วยครับ!”
เมธินีเอามือตบหน้าผากตัวเองด้วยความหงุดหงิด “นี่ฉันเป็นคนเดียวที่หิวเหรอ? หนูน้อยจ๋า พวกเราไม่ใช่คนไม่ดีหรอก คนไม่ดีเขาไม่มาเลี้ยงข้าวหนูในร้านอาหารแพงๆ อย่างนี้หรอกน่า! หนูคงต้องหิวมากแน่เลย เข้าไปข้างในกับเราก่อนเถอะ ไม่เห็นต้องดื้อรั้นเลย”
ทุกคนต่างจ้องไปยังเด็กหญิงคนนั้น
อชิกับเบนนี่ก็หิวเหมือนกัน พวกเขาจึงจ้องเด็กหญิงคนนั้นด้วยคาดหวังในคำตอบของเธอ
เด็กน้อยกัดปากและขยับตัวเข้าใกล้รษิกา ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของรษิกาและพยักหน้าให้อย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้องฝืนใจก็ได้นะจ๊ะ” รษิกาบอกเธออย่างอ่อนโยนราวกับอ่านใจเด็กหญิงคนนั้นออก
เด็กหญิงส่ายหน้าอีกครั้ง
เมื่อเห็นอย่างนั้น รษิกาก็ลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู เธอคว้ามือของเด็กหญิงและพาเข้าไปในร้านอาหาร
เมธินีจูงเด็กชายทั้งสองคนไว้และมองเด็กหญิงที่วิ่งเหยาะๆ อยู่ข้างรษิกาอย่างว่าง่าย ก่อนจะแซวว่า “เมื่อครู่นี้ยังระแวงพวกเราอยู่เลย ตอนนี้เกาะติดเธอแจซะแล้วนะ”
เมธินีถอนหายใจและคร่ำครวญออกมาว่า “อันที่จริง คนหน้าตาดีนี่ก็มีแต่คนชอบเสมอแหละ”
รษิกายิ้มแทนคำตอบและจับมือเด็กหญิงแน่นขึ้นโดยไม่พูดตอบโต้คำหยอกล้อของเมธินีเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม
👍🏻...
....
จบดื้อๆเฉยๆ งงมากค่าาาา...
ขาด 1867,1868...
ขาด1860, 1861...
ขาด1804...
อัพๆๆ ค่ะ แอดดดดดดด แอดดดดดดดด อัพๆๆๆ ค่ะ แอดดดดด ^_^...
ขาด1773,1774...
ขาด1768,1770...
ขาด1663,1664,1665,1666,1668...