หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 6

ร้านเทวภักษ์เป็นร้านอาหารบรรยากาศส่วนตัวที่ดีที่สุดในเมืองหัสดิน อาหารทุกจานที่เสิร์ฟนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าร้านนี้ดีมากแค่ไหน และที่นี่ก็รับเฉพาะลูกค้าที่มีชื่อเสียงมากเท่านั้น โดยจะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือน

เมธินีจัดการจองโต๊ะเมื่อวานนี้โดยใช้เส้นสายของเธอเอง

การตกแต่งภายในร้านอาหารนั้นสวยงามมาก มีหน้าจอแยกให้ทุกๆ โต๊ะ ทางเข้าแต่ละห้องทำด้วยไม้ และอาคารก็ไม่มีหลังคา เมื่อตกกลางคืน โคมระย้าที่อยู่ด้านบนจะให้กลิ่นอายแบบโบราณและสุดแสนจะสมบูรณ์แบบ จนเหมือนกับกำลังทานข้าวใต้แสงจันทร์เลยทีเดียว

ทุกคนเดินเข้าไปในร้านและนั่งลงตรงโต๊ะที่อยู่มุมห้อง

ไม่นานนัก บริกรก็นำอาหารมาเสิร์ฟ

ด้วยความกังวลว่าเด็กหญิงจะรู้สึกอึดอัดใจ รษิกาจึงพุ่งความสนใจไปที่เธออย่างเต็มที่ เธอป้อนอาหารให้เด็กหญิง และเช็ดปากให้ทุกครั้งเท่าที่จะทำได้

อชิและเบนนี่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเธอ เมื่อเห็นไอรดาดื่มด่ำกับอาหารก็ทำให้พวกเขาใจละลาย และพวกเขาก็พยายามแกะกุ้งให้ได้มากที่สุดเพื่อเธอ

ไอรดาไม่หยุดเคี้ยวขณะที่เธอจดจ่ออยู่กับอาหารกองโตตรงหน้า

“นี่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เจ้าหญิงน้อยของบ้านฟ้าศิริสวัสดิ์หายตัวไปนะ! ตระกูลนั้นตามหาตัวเธอไปทั่วเมืองกันให้ควั่ก แต่ยังไม่เจอเธอเลย”

จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากโต๊ะข้างๆ

อีกคนพูดขึ้นมาซึ่งฟังดูน่ากลัวกว่าเมื่อครู่นี้ “เธอคงไม่ได้โดนลักพาตัวไปนะ หรือโดนล่ะ? แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำแบบนี้จะต้องใจกล้ามากๆ เลย ใครกันนะที่กล้าแตะต้องเธอ? เธอเป็นลูกสาวสุดที่รักของเลอศิลป์ ฟ้าศิริสวัสดิ์เชียวนะ! คนที่ทำแบบนี้น่ะรนหาที่ตายชัดๆ”

การเคลื่อนไหวของรษิกาช้าลงทันทีที่ได้ยินชื่อเลอศิลป์ และเธอก็เริ่มจะมึนตึงไป

บทสนทนานั้นดำเนินต่อไป “ใช่ไหมล่ะ? เจ้าหญิงน้อยอาจจะเป็นใบ้และไม่เคยพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตที่สุดแสนจะสมบูรณ์แบบ โชคดีอะไรอย่างนั้น!”

เป็นใบ้อย่างนั้นหรือ?

ความสงสัยฉายในแววตาของรษิกาขณะที่เธอนิ่งค้างไป

ลูกสาวสุดที่รักของเลอศิลป์เป็นใบ้อย่างนั้นหรือ?

เด็กคนนี้ที่เธอพามาด้วยก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ

จากบุคลิกลักษณะและเสื้อผ้าของเธอ ก็ดูเหมือนว่าเป็นคนของตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์อีกด้วย

และเสียงของชายที่รับสายคนนั้น! เสียงของเขา…

เมื่อคิดได้เช่นนั้น รษิกาก็พยายามระงับความประหลาดใจเอาไว้ขณะหันไปหาเด็กหญิงที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเธอ

ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะจับสังเกตได้ว่าเธอจ้องมองมา เด็กหญิงจึงเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงนสงสัย

ทันทีที่สายตาของทั้งสองบรรจบกัน รษิกาก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่าเข้ากลางหัว

“เด็กคนนี้… หรือเธอจะเป็นลูกสาวของเลอศิลป์กันนะ?”

เมธินีวางช้อนส้อมลงและจ้องหน้าเด็กหญิงอยู่ครู่หนึ่ง “มันจะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยเหรอ?” เธอถามอย่างมีความหวัง

เด็กชายทั้งสองตามเธอไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ถามอะไรเลย

ขณะกำลังจะเดินผ่านเด็กหญิงคนนั้นไป รษิกาก็รู้สึกเหมือนมีคนมากระตุกแขนเสื้อเบาๆ

เธอรู้สึกขัดแย้งในใจและหันไปมองเด็กคนนั้นเพียงเพื่อจะพบว่า เด็กหญิงเกาะกุมแขนเสื้อเธอเอาไว้แน่น และดูลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นท่าทีที่ว้าวุ่นใจของเด็กหญิงคนนั้น มันก็เหมือนกับมีคนมากระชากหัวใจของรษิกา

ไม่ว่าระหว่างเธอกับเลอศิลป์จะเกิดอะไรขึ้นมาก่อนก็ตาม แต่เด็กคนนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย

ในที่สุดเธอก็ปลอบโยนเด็กน้อยไปว่า “ฉันต้องไปก่อนนะ ผู้หญิงคนนี้จะอยู่ดูแลเธอเอง ดังนั้น รออยู่ตรงนี้นะคะ โอเคไหม? คุณพ่อกำลังมารับแล้วนะคะ”

เมื่อพูดจบ เธอก็ดึงมือของเด็กน้อยออกและรีบเดินไปจากห้องอาหารโดยไม่หันหลังกลับมามองเลย

ในขณะเดียวกัน เมธินีก็รีบสั่งการให้บริกรมาเอาชุดจานชามทั้งสามชุดที่ใช้แล้วไปเก็บโดยเร็วที่สุด

ไม่นานนัก หลังจากบริกรทำตามคำสั่งเสร็จสิ้น ประตูไม้ของห้องอาหารก็ถูกผลักให้เปิดออกมา

บอดี้การ์ดในชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนเรียงกันเป็นสองแถว และเปิดช่องเป็นทางเดินตรงกลางระหว่างพวกเขาไว้

เมื่อเห็นอย่างนั้น เมธินีก็ยืดตัวตรงและจ้องไปยังทางเข้า เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะทำตัวให้สงบ

จากนั้น เธอก็เห็นเลอศิลป์ที่ดูเย็นชาเดินเข้ามาในห้องอาหาร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม