“หลี่โม่ อย่ามาล้อเล่นนะ!”
กู้หยุนหลานตกตะลึง แล้วก็รู้สึกโกรธมาก
ในตอนนี้หลี่โม่ยังคงคิดจะมาล้อเล่นอีกเหรอ?
เขาไม่รู้ความหมายของสัญญานี้ในครั้งนี้เหรอ?
หลี่โม่ต้องการอธิบายบางอย่าง แต่กู้หยุนหลานก็นอนลงหันหลังให้เขา
หลี่โม่จึงไม่มีทางเลือก นอกจากอยู่เงียบ ๆ
‘กู้หยุนหลาน คุณต้องแบกรับทุกสิ่งที่คุณต้องทนมาแทนคุณเอง’
‘คืนพรุ่งนี้ในงานเลี้ยงของตระกูลกู้ คุณถูกกำหนดให้กลายเป็นคนที่น่าอิจฉาของทุกคน!’
‘ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผม หลี่โม่ จะเตรียมมันให้คุณเอง!’
ในตอนเย็นของวันต่อมา ตระกูลกู้ได้จองห้องพักข้างในของโรงแรมสี่ดาวในเมืองฮั่นและจัดงานเลี้ยงกลางปี
ที่ประตูโรงแรม มีเรือนร่างสวยงามรอเป็นเวลานานด้วยความกระวนกระวายและความโกรธ
กู้หยุนหลานมาถึงนานแล้ว เฝ้าดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธออย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอหลี่โม่
ทำไมเขาถึงยังไม่มา?
วันนี้เขาแต่งตัวค่อนข้างดีเลย เขาจะไม่มาเหรอ? คงไม่หายหัวไปตอนช่วงเวลาสำคัญ ๆ แบบนี้หรอกนะ
ทุกคนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงกลางปีของตระกูลกู้ ทุกครั้งที่หลี่โม่เป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยของทุกคน เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากอยู่ที่งานเป็นตัวตลกให้ความบันเทิงกับทุกคน
ครั้งนี้หลี่โม่จะเปลี่ยนไปหรือไม่...
กู้หยุนหลานส่ายหัวและเลิกจินตนาการว่าหลี่โม่จะเป็นแบบนั้นอีก
“หยุนหลาน”
หลี่โม่วิ่งสองสามก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาและพูดว่า “คุณรอมานานหรือยัง?”
กู้หยุนหลานเหลือบมองหลี่โม่ด้วยอารมณ์ที่เย็นชาและพูดด้วยความไม่พอใจ “ทำไมคุณถึงเพิ่งมาตอนนี้ ฉันขอให้คุณเปลี่ยนชุด ทำไมคุณถึงยังใส่ชุดเดิมอยู่?”
หลี่โม่แตะจมูกของเขาและพูดว่า “ผมไม่มีเสื้อผ้าเลย แล้วทุกปีมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ไม่เป็นไรหรอกน่า”
กู้หยุนหลานขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอไม่พอใจแต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก
แล้วจะคาดหวังอะไรได้อีก?
ในอดีตพวกเขาก็เป็นคนที่ถูกเยาะเย้ยมากที่สุดเสมออยู่แล้ว กู้หยุนหลานชินกับมันแล้วแหละ
แล้วคนไร้ค่าอย่าง หลี่โม่ ถึงเขาจะสวมชุดคลุมของราชวงศ์ เขาก็คงไม่เปลี่ยนไม่จากเดิมหรอก
และคืนนี้กู้ซิ่งเหว่ยจะไม่ยอมปล่อยอย่างแน่นอน
ดังนั้นกู้หยุนหลานจึงพูดอย่างเย็นชา “เอาล่ะ อีกเดี๋ยวคุณอย่าพูดอะไรถ้าฉันไม่ได้นะคะ ฉันจะให้คุณพูดอะไรก็ตามที่ฉันอยากให้คุณพูด คุณจะได้ไม่โดนพวกเขาเยาะเย้ย เข้าใจไหมคะ?"
หลี่โม่พยักหน้าหัวเราะเบา ๆ และดูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
เมื่อเห็นท่าทีไม่สนใจของหลี่โม่ กู้หยุนหลานก็อยากจะชกเขาสักที
ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก!
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงด้านข้างของโรงแรมและบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตระกูลกู้ก็มาถึงแล้ว
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปที่ประตู กู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็รู้สึกถึงความไม่แยแสของตระกูลกู้ที่มีต่อพวกเขา
ในห้องโถงด้านข้างไม่มีที่นั่งว่างและญาติของตระกูลกู้ก็อยู่ด้วย
เมื่อเห็นกู้หยุนหลานมาพร้อมกับหลี่โม่ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและดูถูก รวมถึงไร้ยางอาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเขาจึงทักทายด้วยรอยยิ้มจอมปลอม บ้างก็ประชดประชัน
“หยุนหลานมาแล้ว มานั่งตรงนี้เถอะ”
“หยุนหลาน วันนี้เธอสวยอีกแล้ว”
“นั่งลงสิ พ่อแม่ของเธอก็มาถึงแล้ว”
ญาติๆ ทักทายกู้หยุนหลานด้วยคำพูดต่าง ๆ บ้างก็แสดงความยินดีกับเธอ แต่สำหรับหลี่โม่เขาเป็นคนที่ถูกมองข้ามและถูกเมิน
แม้ว่าหลี่โม่จะผิดหวังในใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้วและนั่งเงียบ ๆ กับกู้หยุนหลานตรงมุมห้อง
กู้เจี้ยนหมินและภรรยาของเขาหวังฟางนั่งอยู่ที่โต๊ะหลักและกำลังพูดคุยกับทุกคน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าสีหน้าของพวกเขาจะไม่ค่อยดีนัก
เมื่อเห็นหลี่โม่เข้ามา หวังฟางก็พ่นลมและตะโกนทันทีว่า “พามันมาทำไม? พาสุนัขมาด้วย ช่างโชคร้ายจริง ๆ !”
หวังฟางอารมณ์เสียมาก เมื่อเขาและกู้เจี้ยนหมินมาถึงก่อนเวลา พวกเขาถูกสะใภ้ใหญ่และสะใภ้เล็กเย้ยหยันดูหมิ่นต่อหน้าทุกคน
ทั้งหมดเป็นเพราะกู้หยุนหลานแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์นั่น พวกเขาถึงโดนเยาะเย้ยแบบนี้
เมื่อคิดว่าถูกกลุ่มคนที่โต๊ะเยาะเย้ยอย่างไร หวังฟางรู้สึกโกรธมาก
แม้ว่าหลี่โม่จะนั่งอยู่ตรงหัวมุม แต่เขาก็ได้ยินเสียงแม่ยายดุด่า หลี่โม่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และดื่มน้ำเย็นเงียบ ๆ
เพราะเป็นคนจน จึงถูกรังแก
ทันใดนั้น เสียงเยาะเย้ยของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งและไร้สาระ
“อุ๊ย ดูซินี่ใคร หลี่โม่หรือเปล่านะ จุ๊ ๆ มานั่งนี่ทำไม คุณเป็นคนดังในเมืองฮั่น ก็ต้องนั่งที่โต๊ะหลักสิ”
กู้ซิ่งเหว่ยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเดินไปหาหลี่โม่อย่างโอ้อวด ทัศนคติของเขาหยิ่งผยอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการประชดประชัน
ในเวลาเดียวกัน เขายังเหลือบมองกู้หยุนหลานข้าง ๆ หลี่โม่และพูดประชดประชันว่า “กู้หยุนหลาน วันนี้เป็นงานเลี้ยงกลางปีของตระกูล เธอเอาไอ้ตัวน่าอับอายมาด้วยอีกแล้ว ไม่กลัวว่าคุณปู่จะไม่พอใจเอาเหรอ?
กู้ซิ่งเหว่ยดูเหมือนจะสนุกกับการทำให้หลี่โม่ต้องอับอาย เขาใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยกู้หยุนหลานด้วยเช่นกัน เขาพยายามทำเป็นว่าเหนือกว่าในฐานะหลานชายคนโต
เกินเยียวยาจริง ๆ ครอบครัวของกู้หยุนหลานก็เป็นแค่ตัวตลก
โดยเฉพาะหลี่โม่คนนี้ช่างไร้ประโยชน์และขี้ขลาดเสียจริง!
การแสดงออกของหลี่โม่เริ่มบึ้งตึง ใบหน้าของเขาไม่พอใจ แต่เขาระงับความโกรธเอาไว้และนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เห็นหลี่โม้ไม่สะทกสะท้านกู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกหงุดหงิดมาก ดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้นมาสะกิดหน้าหลี่โม่แบบยั่วยุและพูดว่า “โอ้ แกนี่มันขี้ขลาดจริง ๆ ใช่ไหม? แกไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้อะไรได้เลย”
กู้หยุนหลานรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นกู้ซิ่งเหว่ยทำให้หลี่โม่อับอายแบบนี้
ท้ายที่สุด หลี่โม่ก็คือสามีของเธอ
“กู้ซิ่งเหว่ย พอได้แล้ว!”
กู้หยุนหลานลุกขึ้น เธอดึงมือของกู้ซิ่งเหว่ยออกไปและยืนอยู่ตรงหน้าหลี่โม่ราวกับนกอินทรีตัวเมียที่ปกป้องลูก
เนื่องจากเขาและแม่ของเขาถูกขับไล่ออกจากแดนมังกรและอาศัยอยู่ในเมืองฮั่น เขาจึงซ่อนตัวตนของเขาไว้เป็นเวลาสี่ปี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในของแดนมังกรและการไล่ล่าจากผู้หญิงคนนั้น
เขาเบื่อชีวิตในแดนมังกร
หลี่โม่รักกู้หยุนหลาน เขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อเธอได้!
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่โม่ก็พูดอย่างจริงจังกับกู้หยุนหลานว่า “หยุนหลาน ถ้าคุณต้องการมันผมก็จะให้แน่ใจว่าคุณนั่งที่โต๊ะนั้น รวมถึงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลกู้ด้วย ผมจะจัดให้คุณได้”
กู้หยุนหลานตัวสั่น มองหลี่โม่ด้วยความประหลาดใจแล้วจึงพูดอย่างเย็นชา “หลี่โม่ คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร มันขึ้นอยู่กับคุณเหรอ?”
“ถ้าคุณเชื่อผม ผมจัดการให้คุณได้”
หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาชัดเจนมาก
กู้หยุนหลานมองไปที่ดวงตาที่บริสุทธิ์ของหลี่โม่ด้วยความรู้สึกมึนงง
เธอไม่เคยเห็นหลี่โม่พูดแบบนั้นและเขาก็ดูจริงจัง
จริง ๆ แล้วเธอเกือบจะเชื่ออย่างนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความจริงทำให้กู้หยุนหลานกลับมามีสติ เธอเหลือบไปยังโต๊ะหลักที่ดูสนุกสนานและพูดกับหลี่โม่ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน ถ้าคุณมีความสามารถจริง วันนี้เราคงไม่ต้องมานั่งตรงนี้หรอก”
‘หลี่โม่ คุณเริ่มพูดโม้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’
กู้หยุนหลานโกรธมาก เธอตบตะเกียบบนโต๊ะและลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ
หลี่โม่ถอนหายใจและมองดูกู้หยุนหลานเดินออกไป หลังของเธอโค้งเล็กน้อย เขาแอบสาบานเงียบ ๆ ว่า "หยุนหลาน คุณจะได้รับความปรารถนาของคุณอย่างแน่นอน"
หลังจากนั้นไม่นานกู้หยุนหลานก็กลับมา ดวงตาของเธอบวมแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอร้องไห้
หลี่โม่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถพูดได้
เขารู้ว่ากู้หยุนหลานไม่ต้องการพูดกับเขาในตอนนี้
เมื่อมาถึงครึ่งทางของมื้อเย็น กู้ซิ่งเหว่ยลุกขึ้นยืน เขาเหลือบมองกู้หยุนหลานที่หน้าตาบูดบึ้งและไม่มีความสุขที่ด้านข้างของโต๊ะและถามว่า “กู้หยุนหลาน เรื่องความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปเป็นยังไงบ้างเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอไปเจอนายน้อยของหรงคังกรุ๊ปมาแล้ว ก็หมายความว่า ลุล่วงแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันขอแสดงความยินดีกับเธอล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ มาครับทุกคนมาอวยพรและเฉลิมฉลองให้กับผู้อำนวยการกู้ที่ชนะความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปกันเถอะครับ”
กู้หยุนหลานนั่งกัดฟันด้วยความหงุดหงิดจนเกือบจะปะทุอารมณ์!
กู้ซิ่งเหว่ยตั้งใจทำแบบนั้นแน่นอน!
นี่มันเป็นการยกย่องด้วยเจตนาแอบแฝง!
จะทำยังไงดี?
เธอไม่ได้พูดคุยเรื่องความร่วมมือด้วยซ้ำ และเธอก็...
“เป็นอะไรไปกู้หยุนหลาน เธอดูไม่ค่อยดีนัก ความร่วมมือไม่สำเร็จงั้นเหรอ??”
กู้ซิ่งเหว่ยยกแก้วขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อสองวันก่อนเธอใช้ตำแหน่งของผู้อำนวยการเป็นเดิมพัน”
กู้หยุนหลานเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำตาเริ่มไหลออกมา
นายท่านกู้ถามอย่างใจเย็นว่า “หยุนหลาน เกิดอะไรขึ้น สัญญาได้รับการเซ็นหรือยัง?!”
“คุณปู่ คือฉัน...”
กู้หยุนหลานลุกขึ้นยืน ดูเป็นทุกข์มาก ดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดและยอมรับอะไรบางอย่าง
แต่ทันใดนั้น หลี่โม่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จับมือเล็ก ๆ ที่สั่นเทาของเธอไว้เบา ๆ มองเธออย่างอ่อนโยน และพูดกับกู้ซิ่งเหว่ยและนายท่านกู้ว่า “หยุนหลานได้รับการเซ็นสัญญาจากหรงคังกรุ๊ปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณชาย แห่ง ประตูมังกร
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...รออ่านบทต่อไป...
อ่านมาได้ ห้าสิบกว่าตอน ทนไม่ไหวแล้ว...บาย...
ไอ้หลี่โม่โดนตบทุกตอน แม่งโคตรซาดิสต์เลย...
ติดตามความปัญญาอ่อนของคนแต่ง อิเมียมันเกลียดผัวมันทุกตอน แล้วมันอยู่กันได้ไงสี่ปี...
เมียโกรธผัวทุกตอน แล้วมันรักของมันได้ไง อิหยังว่ะ...
มีแต่ตบตีทั้งเรื่อง อ่านไปก็เซ็งพระเอกโดนตบทุกตอน อิหยังว่ะ...