"แกเป็นอะไร! หุบปากไป แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?"
ทันใดนั้น หวังฟางรีบวิ่งไปด้วยความโกรธ เธอชี้หน้าด่าหลี่โม่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ไอ้ไร้ประโยชน์ มันต้องการจะพูดอะไรอีก แค่นี้ยังอับอายไม่พอใช่ไหม?
คุณท่านกู้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป เขาจึงพูดว่า “เอาล่ะ ตอนนี้เราก็ได้สัญญามาแล้ว พวกเธอจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้งานนี้สำเร็จ นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตระกูลกู้ของเราที่จะได้ไปสู่ระดับบนของเมืองฮั่น พวกเธอต้องทำงานอย่างหนัก และอย่าละเลยหน้าที่ เข้าใจไหม?”
กู้ซิ่งเหว่ยพูดว่า "ครับ คุณปู่ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน"
กู้ชิงหลินก็พยักหน้าเช่นกัน
“หยุนหลาน แล้วแกล่ะ?” คุณท่านกู้หันไปถาม สีหน้าของเขาดูค่อนข้างไม่พอใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณปู่” กู้หยุนหลานตอบ
จากนั้นคุณท่านกู้ก็พยักหน้า หลังจากพูดคุยกับทุกคนไม่กี่คำ เขาก็เดินออกไป
ภายในห้องโถง ทุกคนดูมีชีวิตชีวามากเพราะตระกูลกู้ได้เซ็นความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ
“คุณปู่ครับ ถ้าผมจำไม่ผิด หยุนหลานกับกู้ซิ่งเหว่ยพนันกันว่า ถ้าเธอได้สัญญา ตำแหน่งรองประธานบริษัทจะตกเป็นของเธอ”
หลี่โม่ที่นั่งถัดไปจากกู้หยุนหลาน เมื่อเขาเห็นเธอนั่งลงเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และเอ็นดูเธอในใจ
ปัง!
กู้ซิ่งเหว่ยตบโต๊ะอย่างกะทันหัน และชี้ไปที่หลี่โม่ "กล้าดียังไง! หลี่โม่ นี่คืองานเลี้ยงกลางปีของตระกูลกู้ของเรา แกเป็นคนนอก มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับธุรกิจของเรา?!"
แน่นอน กู้ซิ่งเหว่ยจำได้ แต่เขาแค่ไม่พูดถึงมัน!
และตามที่คาดไว้ กู้หยุนหลานก็ไม่พูดถึงมันเช่นกัน!
เพราะท้ายที่สุด ที่มาของสัญญานี้ก็ยังไม่ชัดเจน และบางทีอาจจะเป็นไปได้ที่กู้หยุนหลานจะใช้วิธีการสกปรกเพื่อแลกมันมา
“ใช่แล้ว หลี่โม่ หัดส่องกระจกดูเสียบ้าง นายคิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นเหรอ? กล้ามาเถียงกับกู้ซิ่งเหว่ยพร่ำเพรื่ออีก นายไม่เคารพตระกูลกู้ของเราเลยใช่ไหม?!” กู้ชิงหลินตำหนิและกัดจิก
หวังฟางยิ่งโกรธจัด เธอรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วเพื่อจะตบหน้าหลี่โม่ และดุเขา "หลี่โม่ กลับไปซะ นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก!"
แต่ยังไม่ทันจะได้ตบ เธอก็ต้องหยุดชะงัก
เพราะในขณะนั้นเอง กู้หยุนหลานที่นั่งเงียบอยู่ก็ยืนขึ้น และจ้องมองหวังฟางอย่างเย็นชา "แม่ พอแล้ว หลี่โม่เป็นสามีของหนูนะ!"
หวังฟางตกตะลึง เธอไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวของเธอจะปกป้องไอ้ขยะไร้ประโยชน์นี้
“หยุนหลาน แก… นี่แกเสียสติไปแล้วเหรอ? แกปกป้องไอขยะนี่ทำไมกัน!”
ใบหน้าและหูของเธอแดงไปด้วยความโกรธ ดวงตาทั้งสองของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
กู้หยุนหลานจ้องไปที่กู้ซิ่งเหว่ยอย่างเย็นชา และพูดว่า "ที่หลี่โม่พูดก็ถูก ถ้าฉันขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปไม่ได้ บางทีฉันอาจถูกนายไล่ออกจากบริษัทของตระกูลกู้ไปแล้ว แต่ตอนนี้ ฉันได้ทำตามสัญญาแล้ว ตำแหน่งรองประธานควรเป็นของฉัน”
หลังจากนั้น กู้หยุนหลานก็หันไปมองคุณท่านกู้ และพูดว่า "คุณปู่คะ คุณปู่สัญญาแล้วนะคะ"
คุณท่านกู้กำไม้เท้าในมือแน่น เขาขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนี้เราจะคุยกันทีหลัง!”
หลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็หันหลังเดินออกจากห้องโถงไป
“คุณปู่!” กู้หยุนหลานตะโกนอย่างกระวนกระวาย!
แต่คุณท่านกู้ก็ไม่ได้หยุด
กู้ซิ่งเหว่ยหัวเราะเย้ย "ฮ่าฮ่า กู้หยุนหลาน ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างล่ะ? เจ็บใจสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?"
“ฉันบอกอะไรเธอให้นะ ถึงเธอจะทำสัญญากับหรงคังกรุ๊ปได้ แต่ตำแหน่งรองประธานก็ไม่มีทางเป็นของเธอ! ฉันเป็นหลานชายคนโตของตระกูลกู้ และฉันเป็นคนที่คุณปู่เห็นว่า ควรเป็นผู้สืบทอด ทั้งตำแหน่งประธาน และหัวหน้าตระกูล มันต้องเป็นของฉัน!”
หลังจากพูดจบ กู้ซิ่งเหว่ยและกลุ่มญาติของตระกูลกู้ก็เดินจากไป
ทันใดนั้น หวังฟางก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยง
กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจและพูดว่า “คุณไม่เห็นเหรอ? ตำแหน่งรองประธานคุณพ่อวางแผนที่จะมอบให้กู้ซิ่งเหว่ยมาตั้งนานแล้ว หยุนหลานของเราจะไปทำอะไรได้ สุดท้ายในอนาคต บริษัทหยุนเซิงเภสัชกรรมทั้งหมดก็จะตกเป็นของกู้ซิ่งเหว่ย”
“จะเป็นไปได้ยังไง? เขาพูดชัดเจนต่อหน้าคนมากมาย แล้วเขาจะมากลับคำพูดแบบนี้ได้ยังไง?” หวังฟางเริ่มกังวล
“งั้นคุณก็ไปคุยกับคุณพ่อสิ” กู้เจี้ยนหมินพูด
นี่......
หวังฟางเสียความมั่นใจในทันที เธอจะเอาเหตุผลอะไรไปพูดกับคุณท่านกู้ได้ล่ะ?
ผ่านไปชั่วโมงกว่า กู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็กลับบ้านมาถึงบ้าน พวกเขาเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ส่วนคืนนี้หลี่โม่ต้องออกไปทำงานกะกลางคืน
เมื่อเห็นลูกสาวกลับมา หวังฟางก็เดินไปหาเธอด้วยความตื่นเต้น และผลักหลี่โม่ออก เธอพูดอย่างมีความสุข “หยุนหลาน ลูกสาวที่รักของแม่ แกคือความโชคดีของครอบครัวเราจริง ๆ แกสามารถเซ็นสัญญาขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปได้ แม่ดีใจกับแกด้วยนะ"
กู้หยุนหลานคิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ระหว่างทางกลับจนถึงบ้าน เพราะเธอกับหรงปิน หรือ ประธานหรงนั้นไม่เคยพบกันมาก่อน และเธอก็ไม่รู้ว่าสัญญานี้มาได้อย่างไร
“แม่คะ หนูไม่ได้เป็นคนทำสัญญานี้” กู้หยุนหลานตัดสินใจพูดออกมา
“อะไรนะ แกไม่ได้เป็นคนทำสัญญานี้? แล้วใครกัน?” หวังฟางก็ตกตะลึง กู้เจียนหมินก็ขยี้หูของเขาเช่นกัน
หลี่โม่ส่ายหัว กู้หยุนหลานยังคงจริงจัง และใสซื่อเกินไป
เมื่อหวังฟางเห็นหลี่โม่ส่ายหัว เธอก็ไม่พอใจมาก และพูดอย่างเย็นชาว่า “แกส่ายหัวทำไม ทำไม แกเป็นคนทำสัญญานี้กับเขาหรือไง? ในงานเลี้ยง ที่แกก็พูด ฉันยังไม่ได้ชำระบัญชีกับแกเลยนะ!"
เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้หยุนหลานก็นึกขึ้นได้ทันที เธอหันไปมองหลี่โม่ และถามเขาอย่างจริงจังว่า “หลี่โม่ ที่คุณบอกฉันล่าสุดว่า สัญญานี้ไม่มีทางเป็นของคนอื่นนอกจากฉัน แล้ววันนี้ที่ประธานหรงมามอบสัญญานี้ให้ด้วยตัวเอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
“อะไรนะ ไอ้หลี่โม่ไร้ประโยชน์นี่พูดแบบนั้นเหรอ?” หวังฟางไม่อยากเชื่อ และเธอคิดว่าเขาพูดเพื่อต้องการโอ้อวด
หลี่โม่มองทั้งสามคนที่จ้องมาที่เขาด้วยความสงสัย เขาคิดในใจ ‘ถึงเวลาหงายไพ่(1)แล้วหรือเปล่านะ?’
ถึงเวลาหงายไพ่ เป็นสำนวนจีนซึ่งหมายถึงการเปิดเผยความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณชาย แห่ง ประตูมังกร
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...รออ่านบทต่อไป...
อ่านมาได้ ห้าสิบกว่าตอน ทนไม่ไหวแล้ว...บาย...
ไอ้หลี่โม่โดนตบทุกตอน แม่งโคตรซาดิสต์เลย...
ติดตามความปัญญาอ่อนของคนแต่ง อิเมียมันเกลียดผัวมันทุกตอน แล้วมันอยู่กันได้ไงสี่ปี...
เมียโกรธผัวทุกตอน แล้วมันรักของมันได้ไง อิหยังว่ะ...
มีแต่ตบตีทั้งเรื่อง อ่านไปก็เซ็งพระเอกโดนตบทุกตอน อิหยังว่ะ...