องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 102

เมื่อเห็นอวี้เจียร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม ด้วยความห่วงใยประเทศชาติ ยิ่งร้องก็ยิ่งหนักขึ้น ทำให้หลี่จุ่นมองดูภาพนี้ด้วยความตกตะลึง

ผู้หญิงคนนี้ปกติแล้วมีคำพูดและรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่เสมอ ดุเหมือนไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย แต่ทว่า อันที่จริงนางเพียงเสแสร้งออกมาเท่านั้น

ที่จริงแล้ว นอกจากนางจะเฉลียวฉลาด อย่างอื่นก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั่วไป

เป็นผู้หญิงที่ร้องไห้เป็น และเป็นผู้หญิงที่น้อยเนื้อต่ำใจเป็นเช่นเดียวกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นาง แบกรับชะตากรรมของประเทศชาติเอาไว้บนบ่าที่อ่อนแอ แล้วนางจะรับผิดชอบมันไหวได้อย่างไร ?

“อวี้เจีย เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้ารับปากเจ้า”

หลี่จุ่นทนใจแข็งไม่ไหว สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้าไปประคองนาง

อวี้เจียทั้งประหลาดใจและดีใจทันที รีบกล่าวขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา

“ขอบคุณท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านอาจารย์ ! อวี้เจียจะเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านอาจารย์ รับใช้ท่านอาจารย์ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน !”

แต่น้ำตาของนางก็ยังไม่หยุดไหล

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความรู้สึกที่ข่มเอาไว้นาน และระเบิดออกมาในคราวเดียว กลายเป็นหยดน้ำตา แล้วจะให้หยุดลงง่าย ๆ ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร

หลี่จุ่นปล่อยให้นางระบายอารมณ์ เดินตรงไปข้าง ๆ แล้วถอนใจพูดขึ้น

“อวี้เจีย แม้ข้ายินดีช่วยเจ้า แต่ข้าก็ไม่อาจหาวิธีที่ดีได้ในเวลาอันสั้น สุดท้ายแล้วอำนาจในการตัดสินใจก็อยู่ในมือแคว้นหลางของพวกเจ้า”

อวี้เจียพยักหน้า ปาดน้ำตา

หลี่จุ่นพูดต่อ “ตอนนี้ที่ฝ่าบาททรงประวิงเวลาไม่ยอมให้คำตอบแก่เจ้า ก็ไม่มีอะไรนอกเสียจากกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ที่แคว้นหลางของพวกเจ้ามอบให้ กับผลประโยชน์ที่แคว้นเฟิงเฉวี่ยนมอบให้ หากผลประโยชน์ที่แคว้นเฟิงเฉวี่ยนมอบให้ มากกว่าแคว้นหลางของพวกเจ้า ไม่แน่ว่าฝ่าบาทอาจร่วมเป็นพันธมิตรกับแค้นเฟิงเฉวี่ยน ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้”

อวี้เจียหน้าซีดเผือด ปัญหานี้นางเองก็พอนึกออก นางจึงรีบพูดว่า

“แคว้นหลางของเรายินดีส่งเครื่องราชบรรณาการเพิ่มเติม !”

หลี่จุ่นส่ายหน้า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ส่งเครื่องบรรณาการมากน้อยเท่าไร แต่เป็นปมสำคัญของปัญหา สำหรับราชวงศ์อู่แล้ว แคว้นหลางของเจ้าเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของราชวงศ์อู่ ขุนนางของราชวงศ์เราจำนวนไม่น้อยต่างเป็นห่วงว่า แม้ครั้งนี้แคว้นหลางจะรับปากเจรจาสันติ แต่ก็ยากจะรับประกันได้ว่า หากวันใดเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา อาจทำลายพันธสัญญา และเป็นศัตรูกับราชวงศ์อู่ของเราอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาจต้องคว้าน้ำเหลว ซึ่งไม่มีใครยินดีจะเห็นภาพนี้ จึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไป”

อวี้เจียกัดฟัน แล้วพูดว่า “แต่ถึงแม้ราชวงศ์อู่และแคว้นเฟิงเฉวี่ยนจะร่วมเป็นพันธมิตรกัน รอให้แคว้นหลางของเราล่มสลาย แคว้นเฟิงเฉวี่ยนอาจฉีกพันธสัญญาฝ่ายเดียว และเป็นศัตรูกับราชวงศ์อู่ก็เป็นได้ !”

หลี่จุ่นโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในสองวันนี้ราชทูตแคว้นเฟิงเฉวี่ยนก็จะเข้ามาในเมืองหลวง หากท่านหญิงอวี้เจียคิดจะทำอะไรก็จงรีบทำ ไม่เช่นนั้นหากรอให้ไม้กลายเป็นเรือไปเสียแล้ว เกรงว่าใครก็ไม่อาจช่วยอะไรได้”

อวี้เจียพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า

“ท่านอาจารย์ หากแคว้นหลางของเราต้องการพิสูจน์ตนเองว่า จะไม่มีทางทำลายพันธสัญญาภายในเวลาสิบปี ควรจะพิสูจน์ให้ฝ่าบาทเห็นได้อย่างไร ?”

หลี่จุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ พูดขึ้น พร้อมแววตาที่ลึกซึ้งเล็กน้อย

“ใช้รัชทายาทแคว้นหลางเป็นเชลยศึก เป็นแขกของราชวงศ์อู่สิบปี !”

นี่คือพันธมิตรเชลยศึก ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างสองแคว้นที่ประเทศจีนในยุคโบราณมักใช้กัน !

ในโลกนี้ ไม่เคยมีตัวอย่างมาก่อน !

เป็นครั้งแรกที่หลี่จุ่นเสนอขึ้นมา !

เขาเป็นคนแรกที่เสนอการใช้เชลยศึกเป็นข้อแลกเปลี่ยน !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน