องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 110

เช้าวันต่อมา

หวังเยียนหรันมาด้วยสีหน้าสบาย ๆ พอเห็นหลี่จุ่นที่บริหารร่างกายอยู่ตรงลานบ้านก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมร้องเรียก

“หลี่จุ่น เรียบร้อยแล้ว! ข้ากับเถ้าแก่ร้านหนังสือลู่หมิงพูดกันเรียบร้อยแล้วละ”

หวังเยียนหรันยื่นหนังสือสัญญาที่ลงลายมือชื่อของตงซานว่าน

“เร็วอย่างนี้เชียว” หลี่จุ่นยกนิ้วโป้งใหญ่ ๆ ให้นางทันที รับหนังสือสัญญามาพลางถาม “ที่ต้องพูดพูดหมดแล้วหรือ”

หวังเยียนหรันอืม ๆ พยักหน้า มองดวงตาของเขาด้วยใบหน้าเรียบร้อยน่ารักก่อนจะพูดขึ้น “ท่านจะตกรางวัลข้าอย่างไร”

“เอาไว้นิยายเรื่องนี้ขายดีก็แบ่งกำไรให้เจ้ากึ่งหนึ่ง นี่ไม่ใช่รางวัลใหญ่แล้วหรือ” หลี่จุ่นพูดอย่างเห็นว่าสมควรอยู่แล้ว

เขาอ่านหนังสือสัญญา การแบ่งกำไรคือครึ่ง ๆ ตงซานว่านไม่มีความเห็นอะไร เช่นนั้นโดยรวมก็คือเรียบร้อยแล้ว

ในหนังสือสัญญาณระบุชัด ถ้าตงซานว่านยินดีร่วมมือ เขาจะให้ตงซานว่านขายหนังสือมากกว่าร้านหนังสือจิงหงในวันที่สองหลังจากทางสำนักศึกษาสูงสุดจำหน่ายหนึ่งร้อยเล่มนั้น

ถึงตอนนี้ตงซานว่านกำลังสงสัยอยู่แน่ ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างนี้ ในสถานการณ์ที่แย่อย่างนี้ เขาจะพิมพ์หนังสือเร็วกว่าร้านหนังสือจิงหงได้อย่างไร แต่หลี่จุ่นเขาทำได้!

ถึงโรงพิมพ์ของร้านหนังสือลู่หมิงจะเล็ก ช้า แต่มันก็ไม่สำคัญ!

ถึงเวลาที่จะให้การพิมพ์ด้วยตัวเรียง[ หนึ่งในสี่ยอดสิ่งประดิษฐ์จีน คือการแกะสลักตัวอักษรแล้วนำมาเรียงพิมพ์]บังเกิดในโลกนี้แล้ว!

เมื่อการพิมพ์ด้วยตัวเรียงปรากฏ ไม่เพียงแต่จะพิมพ์ได้ว่องไวมาก และยังประหยัดวัสดุได้มาก อยากพิมพ์ให้เร็วกว่าร้านหนังสือจิงหงในเวลาสั้น ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน

สำหรับเรื่องที่ตงซานว่านกังวลว่าพิมพ์มากเกินไปอาจขาดทุนนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ไซอิ๋วเป็นหนังสือระดับไหน หลี่จุ่นรู้ดีที่สุด

ได้แต่พูดว่าต่อให้ไม่ได้กำไรมหาศาลก็ไม่ขาดทุน!

ดังนั้นวางใจได้เลย!

แค่ร้านหนังสือจิงหงทำให้มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่นนั้นภาคสองและภาคสามก็จะขายในร้านหนังสือจิงหงต่อได้เลย สัดส่วนยังจะเพิ่มได้อีกมาก!

นี่สิถึงจะน่าปวดหัว!

อีกอย่างหลี่จุ่นไม่ได้มีแต่เรื่องไซอิ๋ว

หวังเยียนหรันหน้าบึ้งทันที พูดอย่างไม่พอใจ

“ที่ข้าอยากได้ไม่ใช่รางวัลสักหน่อย!”

หลี่จุ่นเหลือบมองนาง แววตาฉงนสงสัยเล็กน้อย “แล้วเจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัลเล่า”

หวังเยียนหรันคิดแล้วพูดว่า “เจ้ามีชานมอะไรนั่นไม่ใช่หรือ เจ้าบอกว่าอร่อยมาก ข้าต้องการให้เจ้าทำให้ข้าสักแก้ว ข้าอยากดื่ม!”

นางทำหน้าคาดหวัง

“ชานมหรือ”

หลี่จุ่นคิด เหมือนว่ายังมีนมจามรีเหลืออีกหน่อย ทำชานมสักแก้วยังพอได้ ดังนั้นจึงผงกหัวแล้วพูดทันที

“ขายอาหารเช้าโดยเฉพาะหรือ”

“เต้าฮวยคือสิ่งใด อร่อยหรือไม่”

“เต้าหู้ตำรับจ้าวทำการค้าเก่งจริง ๆ มีของใหม่มาอีกแล้ว ข้าอยากไปชิมดูสักหน่อย!”

เมื่อวานจ้าวเฟยเอ๋อร์เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงให้คนเริ่มเปิดแผงลอย พอเริ่มก็ดึงดูดความสนใจได้มาก

แขกเหรื่อที่เคยชินกับการกินเต้าหู้ราดซอส พอสังเกตเห็นรถเข็นอาหารเช้าแบบใหม่ แล้วยังเสนอเต้าหู้แบบใหม่ที่เรียกว่าเต้าฮวยอีก ก็รู้สึกประหลาดใจทันที

“นี่ก็น่าจะทำจากเต้าหู้เหมือนกันนะ!”

“นั่นสิ ชื่อเรียกว่าเต้าเหมือนกัน ก็ต้องเป็นเต้าหู้แน่นอน!”

บนถนนสายหนึ่ง

พอเห็นรอบ ๆ มีเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ พ่อค้ารถเข็นก็ยิ้มพูดทันที

“นายท่านทั้งหลาย เต้าฮวยนี่รสชาติไม่ธรรมดาเลย อาหารรสเลิศสดใหม่เข้มข้น ท่านลองชิมดูได้ ข้าจะปรุงรสชาติตามที่ทุกท่านต้องการ เติมรสเค็มหรือหวาน ทุกท่านวางใจเลือกได้!”

“ดี เถ้าแก่ เอาเต้าฮวยให้ข้าถ้วยหนึ่ง!” ชายกำยำคนหนึ่งยื่นเงินห้าอีแปะประเดิมเต้าฮวยถ้วยแรก

“ได้เลย นายท่านท่านนี้ ท่านต้องการหวานหรือว่าเค็ม” พ่อค้ารถเข็นยิ้มระรื่นพลัน

ชายกำยำคิดแล้วก็พูด “ข้าเอาเค็ม!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน