เช้าวันต่อมา
หวังเยียนหรันมาด้วยสีหน้าสบาย ๆ พอเห็นหลี่จุ่นที่บริหารร่างกายอยู่ตรงลานบ้านก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมร้องเรียก
“หลี่จุ่น เรียบร้อยแล้ว! ข้ากับเถ้าแก่ร้านหนังสือลู่หมิงพูดกันเรียบร้อยแล้วละ”
หวังเยียนหรันยื่นหนังสือสัญญาที่ลงลายมือชื่อของตงซานว่าน
“เร็วอย่างนี้เชียว” หลี่จุ่นยกนิ้วโป้งใหญ่ ๆ ให้นางทันที รับหนังสือสัญญามาพลางถาม “ที่ต้องพูดพูดหมดแล้วหรือ”
หวังเยียนหรันอืม ๆ พยักหน้า มองดวงตาของเขาด้วยใบหน้าเรียบร้อยน่ารักก่อนจะพูดขึ้น “ท่านจะตกรางวัลข้าอย่างไร”
“เอาไว้นิยายเรื่องนี้ขายดีก็แบ่งกำไรให้เจ้ากึ่งหนึ่ง นี่ไม่ใช่รางวัลใหญ่แล้วหรือ” หลี่จุ่นพูดอย่างเห็นว่าสมควรอยู่แล้ว
เขาอ่านหนังสือสัญญา การแบ่งกำไรคือครึ่ง ๆ ตงซานว่านไม่มีความเห็นอะไร เช่นนั้นโดยรวมก็คือเรียบร้อยแล้ว
ในหนังสือสัญญาณระบุชัด ถ้าตงซานว่านยินดีร่วมมือ เขาจะให้ตงซานว่านขายหนังสือมากกว่าร้านหนังสือจิงหงในวันที่สองหลังจากทางสำนักศึกษาสูงสุดจำหน่ายหนึ่งร้อยเล่มนั้น
ถึงตอนนี้ตงซานว่านกำลังสงสัยอยู่แน่ ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างนี้ ในสถานการณ์ที่แย่อย่างนี้ เขาจะพิมพ์หนังสือเร็วกว่าร้านหนังสือจิงหงได้อย่างไร แต่หลี่จุ่นเขาทำได้!
ถึงโรงพิมพ์ของร้านหนังสือลู่หมิงจะเล็ก ช้า แต่มันก็ไม่สำคัญ!
ถึงเวลาที่จะให้การพิมพ์ด้วยตัวเรียง[ หนึ่งในสี่ยอดสิ่งประดิษฐ์จีน คือการแกะสลักตัวอักษรแล้วนำมาเรียงพิมพ์]บังเกิดในโลกนี้แล้ว!
เมื่อการพิมพ์ด้วยตัวเรียงปรากฏ ไม่เพียงแต่จะพิมพ์ได้ว่องไวมาก และยังประหยัดวัสดุได้มาก อยากพิมพ์ให้เร็วกว่าร้านหนังสือจิงหงในเวลาสั้น ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน
สำหรับเรื่องที่ตงซานว่านกังวลว่าพิมพ์มากเกินไปอาจขาดทุนนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ไซอิ๋วเป็นหนังสือระดับไหน หลี่จุ่นรู้ดีที่สุด
ได้แต่พูดว่าต่อให้ไม่ได้กำไรมหาศาลก็ไม่ขาดทุน!
ดังนั้นวางใจได้เลย!
แค่ร้านหนังสือจิงหงทำให้มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่นนั้นภาคสองและภาคสามก็จะขายในร้านหนังสือจิงหงต่อได้เลย สัดส่วนยังจะเพิ่มได้อีกมาก!
นี่สิถึงจะน่าปวดหัว!
อีกอย่างหลี่จุ่นไม่ได้มีแต่เรื่องไซอิ๋ว
หวังเยียนหรันหน้าบึ้งทันที พูดอย่างไม่พอใจ
“ที่ข้าอยากได้ไม่ใช่รางวัลสักหน่อย!”
หลี่จุ่นเหลือบมองนาง แววตาฉงนสงสัยเล็กน้อย “แล้วเจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัลเล่า”
หวังเยียนหรันคิดแล้วพูดว่า “เจ้ามีชานมอะไรนั่นไม่ใช่หรือ เจ้าบอกว่าอร่อยมาก ข้าต้องการให้เจ้าทำให้ข้าสักแก้ว ข้าอยากดื่ม!”
นางทำหน้าคาดหวัง
“ชานมหรือ”
หลี่จุ่นคิด เหมือนว่ายังมีนมจามรีเหลืออีกหน่อย ทำชานมสักแก้วยังพอได้ ดังนั้นจึงผงกหัวแล้วพูดทันที
“ขายอาหารเช้าโดยเฉพาะหรือ”
“เต้าฮวยคือสิ่งใด อร่อยหรือไม่”
“เต้าหู้ตำรับจ้าวทำการค้าเก่งจริง ๆ มีของใหม่มาอีกแล้ว ข้าอยากไปชิมดูสักหน่อย!”
เมื่อวานจ้าวเฟยเอ๋อร์เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงให้คนเริ่มเปิดแผงลอย พอเริ่มก็ดึงดูดความสนใจได้มาก
แขกเหรื่อที่เคยชินกับการกินเต้าหู้ราดซอส พอสังเกตเห็นรถเข็นอาหารเช้าแบบใหม่ แล้วยังเสนอเต้าหู้แบบใหม่ที่เรียกว่าเต้าฮวยอีก ก็รู้สึกประหลาดใจทันที
“นี่ก็น่าจะทำจากเต้าหู้เหมือนกันนะ!”
“นั่นสิ ชื่อเรียกว่าเต้าเหมือนกัน ก็ต้องเป็นเต้าหู้แน่นอน!”
บนถนนสายหนึ่ง
พอเห็นรอบ ๆ มีเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ พ่อค้ารถเข็นก็ยิ้มพูดทันที
“นายท่านทั้งหลาย เต้าฮวยนี่รสชาติไม่ธรรมดาเลย อาหารรสเลิศสดใหม่เข้มข้น ท่านลองชิมดูได้ ข้าจะปรุงรสชาติตามที่ทุกท่านต้องการ เติมรสเค็มหรือหวาน ทุกท่านวางใจเลือกได้!”
“ดี เถ้าแก่ เอาเต้าฮวยให้ข้าถ้วยหนึ่ง!” ชายกำยำคนหนึ่งยื่นเงินห้าอีแปะประเดิมเต้าฮวยถ้วยแรก
“ได้เลย นายท่านท่านนี้ ท่านต้องการหวานหรือว่าเค็ม” พ่อค้ารถเข็นยิ้มระรื่นพลัน
ชายกำยำคิดแล้วก็พูด “ข้าเอาเค็ม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...