องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 129

รถม้าเคลื่อนตัวกลับมายังจวนอ๋อง

เมื่อเดินเข้าสู่เรือนใหญ่ ก็เห็นว่าโหลวฮวนฮวนสวมชุดดำนั่งกอดกระบี่ยาวอยู่ที่ทางเดินในสวน

อาวุธของผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปมาบ่อยนัก หากมิใช่ดาบก็เป็นกระบี่ บางครั้งยังถือแส้อีกด้วย

ไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่นางฝึกฝนนั้นเป็นดาบ กระบี่ หรือฝึกฝนทั้งสามอย่างกันแน่

หรือบางทีอาจใช้ได้ทุกอย่างแต่ไม่เก่งสักอย่างเลยก็เป็นได้

“ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่นอนเล่า”

หลี่จุ่นเดินตรงเข้าไปนั่งข้างหญิงสาวอย่างไม่ลังเล

ดวงตาของโหลวฮวนฮวนขยับเล็กน้อย เหลือบมองชายหนุ่มด้วยสายตานิ่งเรียบ “กลิ่นผงชาดฟุ้งไปทั่วตัวเช่นนี้ คงออกไปข้างนอกกับหญิงอื่นอีกละสิ”

“...”

หลี่จุ่นนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “เจ้าแยกแยะกลิ่นเช่นนี้ได้ด้วยหรือ”

กลิ่นคงจะติดมาจากเมื่อครู่ตอนที่นั่งรถม้าร่วมกับหวังเยียนหรันเป็นแน่นแน่

โหลวฮวนฮวนชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน “คิดได้หรือยังว่าจะแก้กลไกได้อย่างไร”

หลี่จุ่นรีบส่ายหัวทันที “เรื่องพรรค์นี้จะคิดเพียงอย่างเดียวมิได้ ต้องพิจารณาจากสถานที่จริงด้วย”

“พิจารณาจากสถานที่จริงหรือ”

โหลวฮวนฮวนไม่ค่อยเข้าใจประโยคนี้นัก หญิงสาวมองดูมุมปากของชายหนุ่มที่ดูคล้ายว่ากำลังเผยรอยยิ้มบาง

“ใช่ ข้าต้องไปดูสถานที่จริง ฟังแค่ที่เจ้าเล่ามาไม่ได้หรอก” หลี่จุ่นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง

อันที่จริงเขาเพียงต้องการยืดเวลาก็เท่านั้น

ฟังจากที่โหลวฮวนฮวนเล่ามาแล้ว อาจมีกลไกอยู่ถึงสามชั้น

ครานั้นที่นางบุกเข้าไปถึงชั้นที่สองและถูกธนูจากรูข้าง ๆ พุ่งมาทำร้ายบาดเจ็บ จนนางจำเป็นต้องถอยออกมา แต่จากการพิจารณาของหญิงสาวแล้วน่าจะยังมีกลไกอยู่อีกหนึ่งชั้น

โหลวฮวนฮวนเล่าถึงรายละเอียดของลักษณะกลไกด้วยหวังว่าหลี่จุ่นจะคิดหาหนทางแก้ได้

เมื่อหลี่จุ่นพิจารณากลไกตามที่โหลวฮวนฮวนเล่าให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว

พบว่ากลไกชั้นที่สองสามารถผ่านไปได้ด้วยประตูทั้งหมดสามประตู

แต่ไม่รู้ว่าประตูใดจากทั้งสามประตูนี้กันแน่ที่จะสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ไม่แน่ว่าทั้งสามเส้นทางนี้อาจมีกลไกอยู่ด้วยก็ได้

ที่โหลวฮวนฮวนถูกธนูทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น ก็เพราะนางไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางใด จึงได้สุ่มเลือกไปหนึ่งทาง

ด้วยเหตุนี้เอง กลไกชั้นที่สองจึงกลายเป็นโจทย์ยากของงานนี้

หากเลือกผิดก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

โหลวฮวนฮวนไร้ซึ่งหนทางรับมือ

ส่วนหลี่จุ่นนั้นมีวิธีแก้ไขกลไกชั้นที่สองอยู่แล้ว

เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่มีเวลา อีกทั้งไม่อยากให้โหลวฮวนฮวนลงมือเพียงคนเดียว

ชายหนุ่มจึงเอ่ยไปว่าต้องพิจารณาร่วมจากสถานที่จริงเพราะต้องการยื้อเวลาเพียงเท่านั้น รอให้เขาจัดการเรื่องการขายหนังสือเรียบร้อยแล้วก็จะแอบไปเอาแผนที่มาก่อน

“ได้สิ ง่ายจะตาย ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้แหละ !”

เพียงได้ยิน โหลวฮวนฮวนก็ส่งสายตายิ้มเยาะ นางยื่นมือมาจับไหล่ของหลี่จุ่นเพื่อหวังจะพาตัวเขาออกไปในทันที

โหลวฮวนฮวนมองหลี่จุ่นด้วยสายตาเอือมระอาพลางยิ้มเยาะ “ในเมื่อทรัพย์สินเงินทองเป็นเพียงมายา เป็นเพียงของไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าต้องขายเต้าหู้ เหตุใดจึงต้องขายหนังสือนิยาย หากมิใช่ทำไปเพื่อเงินแล้วเจ้าทำไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า”

“เอ่อ...”

ดวงตาของหลี่จุ่นเบิกกว้าง คิดไม่ถึงว่าโหลวฮวนฮวนจะคิดโต้ตอบได้รวดเร็วขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้ฉลาดถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“เสี่ยวฮวนฮวน ที่ข้าทำไปก็เพราะความชอบ ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย จริง ๆ นะ ข้าไม่สนใจเรื่องเงินหรอก”

“ไม่สนใจเรื่องเงินหรือ”

โหลวฮวนฮวนนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะรู้สึกว่าชายหนุ่มช่างพูดจาหยิ่งยโสนัก ไม่สนใจเรื่องเงินนะหรือ

ฟังดูแปลกใหม่ดีแท้

แต่นางไม่มีทางเชื่อได้หรอก !

ผู้ชายคนนี้แม้จะเป็นถึงอ๋อง แต่กลับไม่มีที่ดินพระราชทาน เป็นอ๋องว่างงานที่ไร้ซึ่งตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีเงินเดือนให้ได้เก็บกินแม้แต่น้อย แล้วยังไม่มีที่นาประจำตำแหน่งที่สามารถเรียกเก็บค่าเช่าได้ เป็นเพียงอ๋องจน ๆ ก็เท่านั้น

เพราะเหตุนี้ เขาจึงได้ทำการค้าขาย

เขามันก็เป็นแค่คนเจ้าเล่ห์ที่พึ่งพาไม่ได้ !

เมื่อดูจากท่าทีที่เขาคอยประวิงเวลาเรื่องของนาง รวมถึงการที่จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นมามาการค้าขายแล้ว เหมือนว่าจะมิได้ทำไปเพื่อประคองรายรับภายในจวนเท่านั้น แต่น่าจะมีจุดประสงค์ที่ใหญ่กว่านั้นรออยู่

จะให้โหลวฮวนฮวนไม่นึกถึงเรื่องสมบัติคงยากนัก

เจ้าหมอนี่ต้องขาดเงินอย่างแน่นอน

นางสามารถเชื่อมั่นได้ว่าเขาต้องทำไปเพราะหวังฮุบสมบัติเป็นแน่ !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน