องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 228

บอกหลี่เหวินจวินว่าเขาเขียนไซอิ๋วเองน่ะเหรอ?

หลี่จุ่นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องที่หลี่เหวินจวินกับเขาได้ร่วมมือกันขายเหล้าแล้ว หลี่เหวินจวินจะค่อย ๆ รู้เรื่องตัวเองทีละน้อยเสมอ ดังนั้นการที่หลี่เหวินจวินจะรู้เรื่องที่เขาเขียนไซอิ๋วเองจึงไม่เป็นอะไร

แต่ถ้าหลี่เหวินจวินรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่รู้ว่านางจะมีอาการอย่างไร เดาว่าอาจจะรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว หลี่เหวินจวินที่มักจะยกย่องหลู่ซู่เหรินต่อหน้าเขา คือสุดยอดแฟนเกิร์ลของหลู่ซู่เหริน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลี่จุ่นก็อยากจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขาจึงพูดว่า “ในเมื่อเจ้าต้องการบอกพี่หญิงใหญ่ขนาดนี้ ก็บอกนางเถอะ ถ้าบอกแล้วเจ้ามีความสุข”

หวังเยียนหรันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถาม “ท่านไม่ได้จะเก็บมันไว้เป็นความลับหรอกหรือ ตอนนี้บอกองค์หญิงใหญ่ได้แล้ว?”

หลี่จุ่นพูดอย่างไม่ได้สนใจอะไร “ไม่ช้าก็เร็วพี่หญิงใหญ่ก็จะรู้ ถ้ามันทำให้เจ้ามีความสุข เจ้าก็บอกนางได้”

ถ้าข้ามีความสุข...

หวังเยียนหรันรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงมา นางหยุดนิ่งไปชั่วคราว จากนั้นหัวใจของนางก็เริ่มเต้นแรง

เขาหมายความว่าอย่างไร

เห็น ๆ อยู่ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น แล้วทำไมถึงพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้กับนาง...เขาอยากจะกินเรียบเลยงั้นหรือ

ช่างไร้ยางอายจริง ๆ!

คนเลว!

จู่ ๆ ใบหน้าของหวังเยียนหรันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางลุกขึ้นยืนและตะโกนทันที “เสี่ยวจู กลับกันเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าใบหน้าคุณหนูตัวเองเป็นสีแดง เสี่ยวจูก็รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ทำไมพูดอยู่ดี ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา?

หลี่จุ่นเองก็สับสนเช่นกัน

ทำไมจู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้อยากจะกลับซะอย่างนั้น? และหน้านางก็ยังแดงแปร๊ดอีก เขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า

หลี่จุ่นทบทวนคำพูดตัวเองอีกครั้ง และคิดว่าอาจจะเป็นคำพูดของเขาที่ว่า ถ้ามันทำให้นางมีความสุขก็บอกได้ ที่ทำให้นางหน้าแดงออกมา

แต่มันก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่กำกวมอะไรเลยนี่?

ทำไมถึงทำให้นางหน้าแดงหัวใจเต้นแรงได้ล่ะ

โอ้ เป็นเรื่องจริงที่ว่าเกิดมาหล่อก็สามารถโน้มน้าวใจสาว ๆ ได้อย่างง่ายดาย

หลี่จุ่นส่ายหัว รู้สึกโล่งใจอยู่ข้างใน

แม้ว่าหวังเยียนหรันจะดูหยิ่งจองหอง แต่นางก็ดีขึ้นแล้ว

เขาดูออกว่าการเขียนไซอิ๋วด้วยตัวเองนั้นเป็นเพียงแค่ด้านหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น หวังเยียนหรันก็ได้เห็นและรู้สึกถึงท่าทีของเขาแล้ว ดังนั้นความหดหู่ในหัวใจของเขาจึงหายไป

ขาเรียวยาวคู่นั้นก็สามารถบีบใครให้ตายได้ ซึ่งเด็กผู้หญิงธรรมดาที่มาจากครอบครัวที่ดีก็ไม่สามารถประลองฝีมือกับนางได้

เสิ่นจิงหงสวมชุดอยู่บ้านเรียบง่ายและนั่งอยู่ในสวน ผมของนางถูกมัดรวบเป็นหางม้าสูงซึ่งเป็นวิธีมัดผมเมื่ออยู่ในค่ายทหารรักษาพระองค์ เรียบง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้

อาจเป็นเพราะนางเคยชินกับมัน แต่การที่เสิ่นจิงหงรวบผมหางม้าสูงและสวมเสื้อผ้าเรียบ ๆ ก็ดูเหมือนกับสาวงามที่เดินออกมาจากภาพวาด ซึ่งสวยสะดุดตาและดูดีเป็นพิเศษ

เสิ่นเลี่ยมองน้องสาวของเขาจากในระยะไกล ตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย และพูดกับพ่อที่อยู่ข้าง ๆ

“ถ้าไม่พิจารณาถึงสิ่งอื่นใด จิ่งอ๋องก็อาจจะเป็นที่หลบภัยที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกสาวของท่าน”

เขาทั้งหล่อเหลามีความสามารถ และสถานะก็ไม่ได้ต่ำต้อย ผู้ชายแบบนี้หาได้ยาก เป็นผู้หญิงก็ควรจะแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้

เสิ่นคั่วไม่พูดอะไร ใบหน้าไร้อารมณ์

เขามีใบหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้ชิดฮ่องเต้ แต่เขาก็ยังคงรักษาใบหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่เกือบตลอดเวลา

เสิ่นเลี่ยถามอีกครั้ง “ท่านพ่อ ท่านวางแผนจะทำอย่างไร การแต่งงานครั้งนี้ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ แต่การจัดการกับเรื่องนี้ก็เป็นปัญหายากสำหรับองค์รัชทายาทเช่นกัน”

แม้ว่าเสิ่นเลี่ยจะเป็นผู้สุนัขรับใช้ขององค์รัชทายาทและรู้วิธีประจบสอพลอองค์รัชทายาทเป็นอย่างดี แต่ในเวลาที่องค์รัชทายาทไม่อยู่ เขาก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่รู้ทำนองคลองธรรมและลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้ดี

เสิ่นคั่วขยับริมฝีปากและพูดอย่างไร้อารมณ์

“ถ้าองค์รัชทายาทต้องการเปลี่ยนอะไร ก็เปลี่ยนให้ตามนั้น ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่าบาท ข้าผู้แซ่เสิ่นก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้กระทำได้ง่าย ๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน