วันนี้เป็นการเลี้ยงฉลองทั้งกองทัพ
ขณะที่เฟิงเฉวี่ยนอ๋องเองก็ให้คำตอบเช่นกัน
ในการตัดสินใจให้แคว้นเฟิงเฉวี่ยนขึ้นเป็นมณฑลที่เก้าของราชวงศ์อู่ มีนามว่าเป่ยโจว !
อีกทั้งเป่ยโจวเองจะถือเป็นมณฑลแรกที่มีการปกครองตนเองเป็นการชั่วคราว
ทว่า รายละเอียดที่ชัดเจนยังคงต้องรอทางเมืองหลวงให้คำตอบ แต่เพราะหลี่จุ่นเคยออกปากถามเรื่องนี้ด้วยตนเอง อีกทั้งราชวงศ์อู่เองก็มิได้เสียประโยชน์อันใดจากเรื่องดังกล่าว ดังนั้นหลี่จุ่นต้องยินยอมแน่นอน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
ในเมื่อแคว้นเฟิงเฉวี่ยนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อู่ เช่นนั้นอาณาเขตทางเหนือทั้งหมดก็ถือว่าเป็นของราชวงศ์อู่แล้ว
แน่นอนว่าต่อให้เฟิงเฉวี่ยนอ๋องไม่ยินดียอมเข้าร่วม ทางเหนือทั้งหมดก็ตกเป็นของราชวงศ์อู่อยู่ดี เพราะหลี่จุ่นได้ยกทัพมาตีจนเอาชนะได้แล้ว
การตั้งเมืองเฟิงหั่วขึ้นใหม่จึงต้องหยุดพักชั่วคราวเพื่อจัดวางแผนตามความเหมาะสม
เพราะว่า
ความเห็นของหลี่จุ่นนั้น เห็นว่าให้ย้ายเมืองหน้าด่านเดิมไปที่เทือกเขาสูงจินเฟิ่ง เพราะที่นั่นมีปราการทางธรมชาติอยู่ สามารถทำให้แม่น้ำ ณ ที่แห่งนี้ไหลเข้าไปยังเทือกเขาสูงจินเฟิ่งได้ แล้วจึงค่อยสร้างเป็นแม่น้ำป้องกันเมือง ดึงน้ำเข้าสู่เทือกเขาสูงเฟิ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีต่อชาวบ้านที่นั่นเช่นกัน
จี้จงชิงลองพินิจดูอย่างถี่ถ้วนแล้วก็เห็นว่าข้อเสนอของหลี่จุ่นนั้นดียิ่งนัก แต่ก็ยังต้องส่งจดหมายกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อไถ่ถามความเห็นของหลี่เจิ้งและขุนนางในราชสำนัก
ในค่ำคืนนี้เอง
กองทัพเจิ้นเป่ยหนึ่งแสนสองหมื่นนายเคลื่อนทัพออกไปในยามค่ำคืน เหลือไว้หนึ่งหมื่นนายคอยอยู่เฝ้าซากเมืองเฟิงหั่วเพื่อรอฟังคำสั่ง
ส่วนหน้าที่ในการดึงเส้นเอ็นข้อมือของทหารฝ่ายศัตรูที่ถูกจับได้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของทัพเฟิงเฉวี่ยน ซึ่งอีกไม่นานก็จะกลายเป็นทัพเป่ยโจว
หลี่จุ่นนำทัพไปพร้อมกับแม่ทัพใหญ่หวังเซิ่งและจงจื่อหนิง ทิ้งให้หลินชิงกับจี้จงชิงอยู่เฝ้าดินแดนทางเหนือ
พวกเขารับผิดชอบติดต่อเจรจากับราชทูตที่มาจากแคว้นเยียน ทั้งสองคนนี้ต่างก็มีฝีมือด้านการเจรจาเป็นเลิศ ให้พวกเขาออกหน้าเจรจานั้นเป็นเรื่องที่เหมาะที่สุดแล้ว
กองทัพจิ้นเป่ยหนึ่งแสนสองหมื่นนายเคลื่อนทัพตลอดคืนไปจนถึงเขาเฟิงโหยว ครั้นเมื่อเดินทางถึงแล้ว ผู้นำใหญ่ทั้งห้าแห่งเขาเฟิงโหยวและจูเหล่าซานก็รีบรุดลงมาจากเขาทันที
เมื่อพวกเขาเห็นทัพใหญ่เคลื่อนพลมาอย่างเอิกเกริกก็พากันบ่นอุบ เกรงว่าคงต้องออกรบอีกเสียแล้ว
หรือดีไม่ดีอาจจะยกทัพมากำจัดพวกเขาทิ้งก็เป็นได้
เพราะโบราณกล่าวไว้ว่าเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
เหล่าผู้นำในเขาเฟิงโหยวนั้น นอกจากผู้นำสี่ที่สีหน้ายินดีปรีดาแล้ว คนอื่น ๆ และจูเหล่าซานต่างก็ลงไปด้วยท่าทีของคนที่ทำใจดีสู้เสือ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลี่จุ่นแล้วก็ยืนนิ่งรอฟังคำสั่งจากอีกฝ่าย
แต่กลับได้ยินหลี่จุ่นเอ่ยขึ้นว่า
“ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้าสองทาง ประการแรกคือให้พวกเจ้าอยู่ที่เขาเฟิงโหยวนี้ต่อไป วันหน้าพวกเจ้าต้องจัดการเรื่องอาหารการกินกันเอง ประการที่สองคือยกทัพตามข้าออกไป ภายภาคหน้ากองทัพเจิ้นเป่ยจะเป็นผู้ดูแลเรื่องการกินอยู่ของเขาเฟิงโหยวเอง พวกเจ้าไปปรึกษากันดูเถิด
แต่ผู้นำสามรู้ว่าน้องสี่ของตนเองจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน เพราะนางได้เจอกับคนที่นางรักอีกครั้ง
จึงเดินไปข้าง ๆ หญิงสาวแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“น้องสี่ เหตุใดเจ้าจึงไม่เดินไปคุยกับเขาเล่า ? พี่สามสอนคำทักทายให้เจ้าไว้หลายคำแล้วมิใช่หรือ ?”
เพียงได้ฟัง ใบหน้าของผู้นำสี่ก็ร้อนผะผ่าวขึ้นทันที
แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ผู้นำสี่ก็รู้สึกได้ว่าสีหน้าของตัวเองต้องแดงแจ๋ไปทั่วเป็นแน่ จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที
“แหม พี่สาม ข้าเพิ่งหัดเรียนมากี่วันเชียวเล่า ? ยังพูดไม่คล่องท่านก็จะให้ข้าไปพูดเสียแล้ว แบบนี้ไม่กลายเป็นเรื่องตลกไปหรอกหรือ ?”
“ฮ่า ๆ ๆ น้องสี่เขินซะแล้ว”
ผู้นำสามถึงกับหัวเราะร่าขึ้นทันที เล่นเอาผู้นำสี่เขินจนใช้กำปั้นน้อย ๆ ทุบเขาที่อกนางของเบา ๆ
ผู้นำสามเห็นดังนั้นก็รีบพูดขึ้น “น้องสี่ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องบอกเขาด้วยตัวเองว่าเจ้าชื่ออะไรละมั้ง”
ผู้นำสี่ขมวดคิ้วขึ้นทันที เขาจะรู้สึกว่าชื่อของนางเพราะหรือไม่ ?
นางมีนามว่าหูเอ่อร์หยาหย่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...