องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 731

ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด

มีเสียงกรนของเหล่าทหารดังลอยมาจากค่ายทหารอยู่เรื่อย ๆ อีกยังมีเสียงฝีเท้าเดินไปมาของทหารลาดตระเวน รวมถึงเสียงลมที่พัดอยู่โดยรอบที่ราบ

กระโจมใหญ่ทัพแคว้นฉู่

แม่ทัพใหญ่ของแคว้นฉู่ที่มีหนวดเคราที่เต็มใบหน้าและแววตาที่ดุร้ายนั้นยังคงศึกษาแผนที่อยู่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนคล้ายกับผูกเข้าเป็นปม

เกรงว่าซือหม่าชิงอวิ๋นที่ทางชายแดนเหนือน่าจะรอดได้ยากเสียแล้ว

ทางด่านเหิงกู่เองก็เจอเข้ากับอุปสรรค

เพราะกำลังพลทางชายแดนเหนือมีโอกาสสูงมากที่จะไปเสริมทัพกับด่านเหิงกู่ การแคว้นจ้าวอยากจะตีด่านเหิงกู่ให้แตกก่อนที่น้ำในแม่น้ำจะขึ้นคงเป็นการยาก

ด้วยเหตุนี้เอง

ตอนนี้โจวชิงจึงมีทางเลือกเพียงสองทาง หากไม่ถอยทัพก็ต้องบุกตรงไปทางตะวันออก ตีด่านเหิงกู้ให้แตกแล้วไปรวมพลกับทัพใหญ่ของแคว้นจ้าว

จางเฟิงลู่ ผู้บัญชาการแห่งทัพจ้าว คนผู้นี้เคยได้เจอกับตนอยู่สองสามครั้ง ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฝีมือดี บัดนี้นำทัพใหญ่ห้าแสนนายไปประจันหน้ากับผู้บัญชาการอันดับหนึ่งของกองทัพเจิ้นเป่ยแห่งราชวงศ์อู่ นับว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขาให้เห็นเป็นประจักษ์ได้แล้ว

เป็นคนที่สามารถร่วมมือกันได้

ขอแค่ตนเองยกทัพตีไปถึงด่านเหิงกู่ได้ แล้วไปรวมพลกับจางเฟิงลู่ เช่นนั้นการโค้นล้มราชวงศ์อู่ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม !

แต่โขวชิงยังคงถ่วงดุลอำนาจอย่างระมัดระวัง หากตนเองรุกตีไปจนถึงด่านเฟิงเป่ยได้แต่กลับต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนมาก เช่นนั้นจะยิ่งไม่คุ้มค่า

อย่าว่าแต่ยกทัพตีไปถึงด่านเหิงกู่เลย แค่ต้องรบต่อยังเป็นปัญหา...

ถ้าอย่างนั้น... หากต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก เขาก็ทำได้แค่เลียนแบบจี้จงชิงในการเข้าบุกตีเมืองหลวงของราชวงศ์อู่โดยตรง ล่อให้อ๋องเจิ้นเป่ยกลับจากด่านเหิงกู่ทางซีเป่ยมาตั้งรับป้องกัน เช่นนี้ก็จะเป็นโอกาสให้จางเฟิงลู่สามารถยกทัพไปตีด่านเหิงกู่ได้

ขอแค่ตีด่านเหิงกู่ได้สำเร็จ ใช้ปลาในแม่น้ำต้าเฉินรวมถึงล่าสัตว์บกสัตวืปีกโดยรอบทั้งหลายเป็นอาหาร ต่อให้ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวจะถอยทัพกลับตอนน้ำลดไม่ได้ เสบียงเสริมไม่พอ ก็สามารถอยู่รอจนถึงช่วงที่น้ำลด รอจนเสบียงพร้อมแล้วค่อยยกทัพบุกโจมตีต่อจนถึงเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น การเดิมพันของแคว้นจ้าวครั้งนี้ก็น่าจะเตรียมเสบียงมามากพอตัว

เดิมทีเรื่องการศึกครั้งนี้สามารถจบลงได้ก่อนช่วงฤดูกาลน้ำขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าทางชายแดนเหนือจะเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน

ก่อนหน้านี้ชายแดนเหนือเป็นจุดทะลวงที่ใหญ่ที่สุด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นปัจจุบันแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุด

โจวชิงรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย

หากตอนนั้นเขายกทัพไปเข้าร่วมกับซือหม่าชิงอวิ๋นแต่แรก บางทีไม่ต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ หรือบางทีอาจบุกตีเมืองเฟิงหั่ว บุกยึดเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ได้ไปนานแล้ว การศึกก็คงจบสิ้นลงแล้วเช่นกัน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะติดกับดักลวงศัตรูของจี้จงชิงเสียดาย จึงได้เสียโอกาสดี ๆ ไป

“อะไรนะ ?”

สีหน้าของโจวชิงในตอนนี้บอกบุญไม่รับยิ่งนัก

ทั้งสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน

แม้แต่ร่างกายก็ก้าวถอยออกไปโดยไม่ทันได้สังเกต จากนั้นจู่ ๆ ก็ร้องขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“แย่แล้ว ต้องเป็นจี้จงชิงแน่ ! ต้องเป็นจี้จงชิงที่ส่งคนมาตัดขาดหนทางกลับของทัพเรา แล้วก็มีแต่กองทัพเจิ้นเป่ยเท่านั้นที่มีอาวุธร้ายซึ่งสามารถทำลายช่องแคบหนึ่งเส้นฟ้าได้ !”

“อะไรนะขอรับ ? แม่ทัพใหญ่ เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรกันดีเล่า ?” แม่ทัพผู้นั้นเองก็ตะลึงงันเช่นกัน

หากเป็นฝีมือของกองทัพเจิ้นเป่ยจริง เกรงว่าเหตุการณ์คงแย่กว่าที่คิด !

สีหน้าของโจวชิงเคร่งเครียดขึ้นมา พลันหันไปมองยังแผนที่ ก่อนจะรีบครุ่นคิดถึงเหตุดังกล่าว

แน่นอนว่าเขาน่าจะคำนวณผิดพลาดเสียแล้ว

กองทัพเจิ้นเป่ยมิได้ยกทัพไปช่วยที่ด่านเหิงกู่ แต่พุ่งตรงมาหาเขาต่างหาก

คราวนี้เห็นทีคงรับมือได้ยากเสียแล้ว !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน