องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 91

ใบปลิวที่หลี่จุ่นวาดได้ผลมาก ในเวลาไม่ถึงสองวัน กระแสเต้าหู้ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง

แม้แต่หลี่เจิ้งยังได้ยินเรื่องนี้ ตอนประชุมขุนนางก็ถามข้าราชบริพารว่าเต้าหู้คืออะไร

ทว่าไม่มีใครสามารถตอบได้

แต่ได้ยินมาว่าอาหารสดใหม่นี้เป็นฝีมือของจ้าวเฟยเอ๋อร์ จึงส่งหวังเหลียนให้ไปเอามาลองสักหน่อย

หวังเหลียนรีบไปเอามาอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดก็ได้กลับมาหนึ่งถังเล็ก ๆ หลังจากได้ลิ้มรสแล้ว หลี่เจิ้งก็รู้สึกประหลาดใจมาก พร้อมกับเอ่ยชมไม่ขาดปาก ก่อนจะรับสั่งว่า นับจากนี้ห้องพระเครื่องต้นต้องนำเต้าหู้เข้ามาทุกวัน เพื่อที่จะให้ทุกคนในวังได้กิน

หลี่จุ่นเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินเช่นนี้

นี่ถือเป็นออเดอร์ใหญ่ครั้งแรกก่อนที่ร้านจะเปิดเลยนะ

และให้จ้าวเฟยเอ๋อร์รับปากไปว่า จะผลิตเต้าหู้เพิ่มส่วนหนึ่งเพื่อส่งให้กับพระราชวังโดยเฉพาะ

ปริมาณเต้าหู้ที่ส่งเข้าพระราชวังไม่น้อยเลย แต่ละวันก็เป็นร้อยกิโลกรัม หลี่จุ่นให้จ้าวเฟยเอ๋อร์คิดเงินกิโลกรัมละสองตำลึง

เพียงแค่ขายในวังก็มีรายได้ที่มั่นคงแล้วแน่ ๆ สองร้อยตำลึง

แบ่งกันคนละหนึ่งร้อยตำลึง ยังไม่ทันจะเปิดร้าน แค่นอนเฉย ๆ หลี่จุ่นก็หาเงินได้แล้วหนึ่งร้อยตำลึง ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมากในยุคนี้

ไม่นานก็ถึงวันที่สิบแปดเดือนสิบสองตามปฏิทินจีน

ในวันนี้ ลูกค้าจำนวนมากรวมตัวกันที่หน้าร้านเต้าหู้ตำรับจ้าวกันตั้งแต่เช้าเพื่อมาซื้อเต้าหู้

จ้าวเฟยเอ๋อร์พาบ่าวคนสนิทมาด้วยสองสามคน พอมาถึงก็เริ่มเปิดประตูร้านทันที มองดูลูกค้าข้างนอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุก ๆ ท่าน เพื่อเป็นการขอบคุณการสนับสนุนของทุก ๆ ท่าน วันนี้ร้านเต้าหู้ตำรับจ้าวของเรา ขายชามละหนึ่งอีแปะ! เฉพาะวันนี้วันเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้จะเริ่มขายชามละห้าอีแปะ”

“เยี่ยม!”

“หนึ่งอีแปะถูกมากเลย!”

“ถ้าเต้าหู้นี้อร่อยอย่างที่บอกจริง ๆ ราคาห้าอีแปะก็คุ้มค่า!”

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ขุนนางในวังกินเต้าหู้ทุกวัน!”

“ถูกต้อง ขุนนางระดับสูงในราชสำนักก็ยังชอบสิ่งนี้ ในที่สุดก็เปิดร้านสักทีอยากลองชิมมานานแล้ว”

ลูกค้าหน้าร้านเริ่มพูดคุยกันอย่างคึกคัก

จ้าวเฟยเอ๋อร์เห็นลูกค้าหน้าร้านพูดคุยกันเช่นนี้ ก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก

นางมองย้อนกลับไปที่หลี่จุ่นที่อยู่ในชุดขาว และหวังเยียนหรันที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน หลี่จุ่นพยักหน้าไปทางนางเล็กน้อย

จ้าวเฟยเอ๋อร์จึงสั่งให้ทุกคนเชิญลูกค้าเข้ามาในร้าน

“แขกผู้มีเกียรติ เชิญทุกท่านด้านใน!”

“เชิญด้านใน ๆ!”

ขณะนี้ทุกคนในร้านต่างก็ยุ่งกันหมดและลูกค้าก็ทยอยเข้าร้านไปทีละคน

ใช้เวลาไม่นาน ทั้งร้านก็เต็มไปด้วยผู้คน ถึงขนาดที่ลูกค้าบางคนถึงกับไม่สามารถเข้ามาได้ ทำได้เพียงยืนรอด้านนอกเท่านั้น

หลี่จุ่นยิ้มแล้วพูดว่า “หนังสือดีแน่นอน”

ก่อนหน้านี้ หลี่จุ่นบอกว่ามีธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจอยากให้หวังเยียนหรันได้ทำ ซึ่งหมายถึงการตีพิมพ์หนังสือ

ในราชวงศ์อู่ตอนนี้ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ยังอยู่ในมือของราชสำนัก ธุรกิจสิ่งพิมพ์ของพลเรือนค่อนข้างจะถูกจำกัด และยอดขายไม่ดีเท่ากับการตีพิมพ์จากในวัง

ลิขสิทธิ์การตีพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ในราชวิทยาลัย และปัจจุบันหวังโส่วหนิงพ่อของหวังเยียนหรันก็เป็นคนดูแลราชวิทยาลัย และเป็นผู้อำนวยการชั่วคราวของราชวิทยาลัย

ดังนั้น หากต้องการตีพิมพ์หนังสือ แน่นอนเลยว่าต้องเริ่มที่หวังโส่วหนิง

ต้องให้ราชวิทยาลัยตีพิมพ์ออกมาก่อนเท่านั้น ร้านพิมพ์เอกชนถึงจะมีสิทธิ์เผยแพร่งานพิมพ์และนำไปเพิ่มยอดขายได้

การตีพิมพ์ของราชวิทยาลัยไม่มีไว้เพื่อจำหน่าย และน้อยมากที่จะเปิดขายในที่สาธารณะ มีหนังสือบางส่วนที่สามารถเผยแพร่ได้แต่ไม่ใช่หนังสือราชการ ทางราชวิทยาลัยจะมอบหนังสือเหล่านั้นให้กับร้านพิมพ์เอกชนมาดำเนินการ

หลี่จุ่นต้องการขายหนังสือ แน่นอนว่านี่คือความคิดของเขา

เมื่อได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์จากราชวิทยาลัยแล้ว หลังจากนั้นก็ให้ร้านพิมพ์เอกชนเผยแพร่งานพิมพ์ เพียงเท่านี้หลี่จุ่นก็สามารถทำเงินได้มากมาย

แน่นอนว่าในแง่ของการแบ่งผลกำไรไม่มีข้อได้เปรียบอะไร เว้นแต่เขาจะใช้ชื่อของเขาเองในฐานะองค์ชาย อย่างไรก็ตามหลี่จุ่นไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ เหมาะที่จะเป็นเพียงเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น

หวังเยียนหรันถามทันที “แล้วท่านวางแผนที่จะตีพิมพ์หนังสือเล่มไหน”

หนังสืออะไรดีนะ

หลี่จุ่นยิ้มเล็กน้อย

เปิดฉากด้วยไซอิ๋วน่าจะดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน