องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 93

ตกเย็น

จ้าวเฟยเอ๋อร์มาด้วยตนเอง

“ท่านอ๋อง วันนี้เราขายเต้าหู้สดราคาชามละหนึ่งอีแปะได้สองพันหกร้อยกว่าชาม ได้เงินมาทั้งหมดมากกว่าสองก้วน ส่วนเต้าหู้แห้งขายออกไปสามร้อยก้อน ราคาก้อนละห้าอีแปะ ก็ได้ราว ๆ หนึ่งก้วนกว่า ๆ แลกเปลี่ยนมาได้สองตำลึง รายได้เป็นเงินตำลึงในวันนี้ก็สี่ตำลึงกว่า” จ้าวเฟยเอ๋อร์รายงาน

เงินสี่ตำลึงงั้นเหรอ

ตามกำลังซื้อในยุคนี้ก็เทียบเท่ากับเงินสี่พันกว่าหยวนในยุคให้หลัง

ร้านใหม่เปิดมาด้วยรายได้สี่พันหยวน ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเลย

แม้ว่าหลี่จุ่นจะผิดหวังเล็กน้อยและรู้สึกว่าได้เงินน้อยเกินไปหน่อย แต่เขาก็โล่งใจเมื่อคิดว่าร้านมีขนาดแค่นี้และขายราคาถูกด้วยในวันแรก

หลี่จุ่นพยักหน้า “ต้องดูสถานการณ์รายได้ไปอีกสองสามวันก่อน หากรายได้ดีอยู่ ก็จะเริ่มขยายสาขา”

วันนี้มีลูกค้าหลายคนไม่ได้กินเต้าหู้สด อย่างน้อย ๆ ก็มีเป็นครึ่งที่ยังไม่ได้กิน ดังนั้นพรุ่งนี้จำนวนลูกค้าคงไม่น้อยลงแน่ ๆ

เมืองหลวงมีประชากรหนึ่งล้านคน วันนี้มีคนมาอย่างน้อยก็สามถึงสี่พันคน แต่นี่เป็นเพียงประชากรอันน้อยนิดของจำนวนประชากรทั้งหมด หากเต้าหู้เป็นที่นิยมจริง ๆ พอคนพูดปากต่อปากจนข่าวแพร่กระจายไปทั่ว อย่างน้อยก็ต้องมีคนครึ่งหนึ่งในเมืองหรืออาจจะทั้งเมืองเลยก็ได้ที่จะมาซื้อเต้าหู้

แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าสุดยอด!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เต้าหู้เป็นความลับเฉพาะ ยังไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นหลี่จุ่นจึงไม่รีบร้อน

เพียงแค่ดูช่วงสองสามวันนี้

จากนั้นเขาก็จะพอจินตนาการสถานการณ์คร่าว ๆ ได้ และสามารถขยายสาขาต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง เมื่อถึงตอนนั้นฐานลูกค้าจะกว้างขึ้นและรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

“ท่านอ๋อง วันนี้ลูกค้าจำนวนมากบ่นว่าร้านของเรามีขนาดเล็ก และรองรับลูกค้าได้น้อยเกินไป…” จ้าวเฟยเอ๋อร์พูด

หลี่จุ่นยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน รออีกสักสองวัน ข้าจะเปิดร้านเต้าหู้ให้ทั่วเมืองหลวงเลย”

“เพคะ” จ้าวเฟยเอ๋อร์ทำได้เพียงพยักหน้า

วันที่สอง

หลี่จุ่นพาหยางจงไปที่ร้านและเห็นว่าในร้านยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เมื่อไปที่ครัวด้านหลัง ก็เห็นว่าเต้าหู้สดขายไปมากกว่าครึ่งแล้ว

หลี่จุ่นพยักหน้าช้า ๆ

พวกเขาจะบอกต่อกันปากต่อปาก และคนส่วนใหญ่จะพูดเกินจริง พูดให้รสชาติของเต้าหู้นั้นเกินจริงไปด้วย เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ลิ้มรสอาหารอร่อยที่คนอื่นไม่สามารถลิ้มรสได้ หลังจากได้โอ้อวดไปทุกที่แล้ว ลูกค้าที่ยังไม่ได้กินหรือลูกค้าที่ยังไม่ได้มาก็จะอยากกินเต้าหู้ของเรามากขึ้น

เพราะฉะนั้น

ท่านหญิงเห็นไหมล่ะว่าวันนี้ลูกค้าเยอะกว่าเมื่อวานมาก ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่นิดเดียว”

จ้าวเฟยเอ๋อร์ได้ยินถึงกับอึ้ง ก่อนจะตระหนักขึ้นมาได้ ดวงตาพลันส่องแสงเป็นประกาย พลางกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ใช่แล้วเพคะท่านอ๋อง ที่ท่านพูดไม่ผิดเลยสักนิด วันนี้มีลูกค้าอยู่นอกร้านมากกว่าเมื่อวานเยอะมาก”

จ้าวเฟยเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจ มันน่าทึ่งมากที่หลี่จุ่นเข้าใจลูกค้าได้

หลี่จุ่นยิ้ม

เขาใช้ “กลยุทธ์กระตุ้นความอยากของลูกค้า” ที่ใช้กันทั่วไปในธุรกิจยุคให้หลัง

ในช่วงเวลาพิเศษ การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์กระตุ้นความอยากของลูกค้าซึ่งมีโควตาที่จำกัดสำหรับสินค้า มักส่งผลที่ไม่คาดคิด

หลี่จุ่นพูดว่า “ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเราได้มีการกระจายข่าวออกไป แต่ก็ยังมีคนไม่มากที่รู้จักเต้าหู้ของเรา เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่มาที่ร้านเราในวันแรก โดยเฉพาะคนธรรมดาที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมาก ข้าจำกัดยอดขายเพื่อที่จะช่วยเร่งกระจายชื่อเสียงเต้าหู้ของเราให้เร็วขึ้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน