องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 10

ความจริงแล้วจ้าวจือหย่าเองก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน นางไม่เชื่อว่าบทกวีนี้องค์ชายสิบสี่จะเป็นคนเขียนขึ้นมา นางยังคงสงสัยว่าบทกวีนี้ต้องมีคนช่วยเขาเขียนเป็นแน่

จะต้องมีอาจารย์อยู่เบื้องหลังเขา หากได้รู้จักกับคนๆ นั้น แม้ว่าจะเป็นชายชราวัยเจ็ดสิบแปดสิบ นางเองก็เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขาและไม่มีวันเสียใจ

ดังนั้นนางจึงต้องการให้องค์ชายสิบสี่เปิดเผยคนที่อยู่เบื้องหลังเขาออกมา

ถือพระราชโองการของฮ่องเต้ออกมาพร้อมกับตรงไปยังตำหนักชีหลิน

เมื่อมาถึง นางยังไม่ได้เข้าไปด้านใน แต่พลันได้ยินเสียงองค์ชายสิบสี่ฮัมเพลงอยู่ด้านใน เนื้อเพลงเหมือนกับเพลงสายน้ำที่นางเขียนในวันนี้ อย่างไรก็ตาม นางไม่คาดคิดว่าบทกวีจะถูกแต่งเป็นเพลงได้!

“จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า...”

ในจังหวะเพลง ทั้งคำศัพท์และดนตรีมีความไพเราะอย่างมาก ถึงแม้จะได้ยินเป็นเวลาสามวัน ก็ฟังได้ไม่มีเบื่อ

จ้าวจือหย่าได้ดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงโดยไม่รู้ตัว

“ช่างไพเราะมาก!”

“ใครอยู่ด้านนอก!”

เสียงตะโกนของฉินเหยียนทำให้จ้าวจือหย่าได้สติกลับมา นางรวบรวมสติ เปิดประตูและก้าวเข้าไปในตำหนัก

นางเห็นแต่อาหารชั้นเลิศและเหล้า องค์ชายสิบสี่กำลังดื่มอวยพรให้กับตนเอง สายตาพลันสบเข้ากับนาง

“โอ้ สาวน้อยมาแล้วหรือ มานั่งดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยเถิด วันนี้พวกเรายังมีธุระที่ต้องทำร่วมกัน”

“องค์ชายสิบสี่ ได้โปรดอย่าเสียมารยาท ข้ามาที่นี่เพื่อนำพระราชโองการ...”

นางพูดยังไม่ทันจบ ฉินเหยียนพลันเดินมาถึงตรงหน้านาง ยื่นถ้วยใส่เข้าไปที่ปากของนางทันที

“มาเถิด อย่าทำให้ข้าเสียอารมณ์เลย”

“ท่านมันคนไร้ยางอาย!”

จ้าวจือหย่าเดินหนี ใบหน้าแดงก่ำ

“เหล้ามีคุณสมบัติเป็นยาพิษ ทำร้ายกระเพาะ แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยดื่ม ท่านอย่าทำรังแกคนอื่นให้มากเลย”

ฉินเหยียนถือเหยือกเหล้า พูดด้วยสีหน้าเสียใจว่า

“โอ้ ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่สามารถเขียนบทกวีดีๆ ได้ ของดีขนาดนี้ แม่นางเจ้าพลาดแล้ว!”

จ้าวจือหย่าทั้งรู้สึกละอายทั้งรู้สึกโกรธ

“ใครบอกท่านว่าดื่มเหล้าแล้วจะสามารถเขียนบทกวีดีๆ ได้ พูดอีกอย่าง ท่านดื่มเหล้าแล้ว เจ้าสามารถเขียนบทกวีดีๆ ได้อย่างนั้นหรือ?”

ฉินเหยียนหัวเราะเบาๆ

“แน่นอน เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าดื่มเหล้าแล้วจะแต่งบทกวีให้ได้สามร้อยบท ส่วนเจ้ายอมเชื่อฟังข้าถอดเสื้อผ้าออกให้หมด ทำให้ข้ามีความสุขเสียที”

“ข้าขี้เกียจจะสนใจท่านแล้ว”

จ้าวจือหย่านึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงหยิบพระราชโองการออกมาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนออกมารับพระราชโองการ”

หากเป็นเมื่อก่อน ทุกคนจะต้องคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพเพื่อรับคำสั่ง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับองค์ชายสิบสี่ที่ไม่ปฏิบัติตามแบบทั่วไป ทำให้จ้าวจือหย่ามึนงง

เพราะว่าองค์ชายสิบสี่ได้ยืนกอดอกและพูดจาไร้สาระว่า

“ชั่วครู่แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิมีค่าล้ำเท่าตำลึงทองพันชั่ง ที่รัก อ่านพระราชโองการอะไรเล่า อยากอ่านให้มาอ่านบนเตียงพร้อมข้านี่”

“อ๊ะ!”

ก่อนที่สมองของจ้าวจือหย่าจะได้ทันตอบสนอง นางพลันถูกองค์ชายอุ้มนางไปและพาไปที่เตียง

“เจ้าปล่อยข้า ไม่!”

โยนจ้าวจือหย่าลบงไปบนเตียง ฉินเหยียนถูมือไปมา พูดอย่างหมดความอดทน

“คิดที่จะเดิมพัน เจ้าต้องยอมรับความพ่ายแพ้ หรือเจ้าไม่ยอมรับหรือ?”

จ้าวจือหย่ารู้สึกละอายใจและโกรธ ด้วยความสิ้นหวังนางจึงชักมีดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากที่เอว ชี้ไปที่ฉินเหยียนด้วยมืออันสั่นเทา

“อย่าเข้ามา หากท่านยังเข้ามา ข้าจะไม่เกรงใจท่านแล้ว!”

ฉินเหยียนขมวดคิ้ว พูดด้วยสีหน้าไร้ความปรานี

“เหตุใดเจ้าถึงยังต้องการลอบฆ่าเชื้อพระวงศ์?”

จ้าวจือหย่าเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ เป็นขุนนางทางวิชาการ นางไม่คิดที่จะทำเรื่องโง่ๆ เป็นอันขาด แต่เพื่อรักษาชื่อเสียงของนาง นางทำได้เพียง...

กลับด้านใบมีดและกดไปที่คอของตนเอง

“ถ้าท่านยังบังคับข้า ข้าจะตายต่อหน้าท่าน!”

“เอาล่ะ เอาล่ะ! ข้าแค่แกล้งเจ้าเล่น ไม่ต้องจริงจังถึงเพียงนั้น วางมีดลงก่อนเถิด”

ฉินเหยียนทำท่ายอมแพ้เพราะเขากลัวสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น

“ถอยออกไป ถอยออกไป!”

ฉินเหยียนถอยหลังไปสองก้าว

จ้าวจือหย่าเดินโซเซออกจากเตียง โดยยังคงเอามีดจ่อไปที่คอของตนและเดินอย่างระมัดระวังตรงไปที่ประตู

ปฏิกิริยาของนางรุนแรงถึงขั้นนี้ ฉินเหยียนก็ยิ่งชอบมากขึ้น สิ่งที่อยากได้ไม่ได้มาแต่โดยดี อีกทั้งยังมีความท้าทายทำให้น่าสนใจ

“นี่คือความหมายของคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์ หากท่านกล้าขัดขืนคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ยอมทำตามพระราชโองการ เช่นนั้นรอการจับกุมขังคุกได้เลย”

“ท่านจะทำอะไร?”

ฉินเหยียนก้าวไปข้างหน้า จ้าวจือหย่าถอยหลังโดยทันที รักษาระยะห่างไว้สี่ห้าเมตร เพื่อที่จะหลบหนีเขาได้ทัน

“อธิบายให้ข้าเข้าใจเสียหน่อยสิ”

“อธิบายอะไร ในพระราชโองการก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ท่านอ่านเองไม่ได้หรือ?”

จ้าวจือหย่าออกมาที่ลานตำหนักและพูดอย่างระมัดระวัง

“จะเป็นการดีกว่าถ้าท่านเรียกบรรดาที่ปรึกษาให้เข้าพบและหารือเกี่ยวกับการสอบเข้าในวันพรุ่งนี้”

“ข้ามีที่ปรึกษาที่ไหนกัน หรือว่าเจ้ามาเป็นที่ปรึกษาให้ข้าดีหรือไม่?”

“เฮอะ! ข้าขี้เกียจจะพูดกับท่านแล้ว!”

“อย่าเพิ่งสิ! กลับมาอธิบายให้ข้าเข้าใจก่อนแล้วค่อยไป!”

“ท่านอวยพรตัวเองให้มากๆ เสียแล้วกัน!”

จ้าวจือหย่าหันหลังกลับและวิ่งออกไป กลัวว่าหากวิ่งช้าเกินไปจะถูกชายมากตัณหาคนนั้นจับตัวไว้อีก

“บ้าเอ้ย แค่วิ่งยังสวยขนาดนี้ ข้าต้องให้เจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้าให้ได้ในเร็ววัน!”

เขาเปิดพระราชโองการและจ้องมองด้วยความสับสนอีกครั้ง พึมพำกับตนเองด้วยสีหน้าบุญไม่รับ

“การสอบไร้สาระอะไรเนี่ย หาเหาใส่หัวอีกแล้วสิเรา”

การสอบเข้าขุนนางของฮ่องเต้นั้น ฉินเหยียนไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้วทั้งท้องพระโรงเกิดพายุโหมกระหน่ำมาก่อนแล้ว องค์ชายทุกคนต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งองค์รัชทายาท พวกเขามุ่งหวังที่จะเป็นอันดับหนึ่งในการสอบเข้าครั้งนี้

วัดหงหลู

คณะทูตจากอาณาจักรจ้าวเองก็เตรียมตัวมาอย่างดี ในเวลาที่เหมาะสมพวกเขาสามารถทำให้อาณาจักรฉินเกิดความวุ่นวายภายในได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ตักตวงผลประโยชน์ที่ดีที่สุด คนที่วางแผนการทั้งหมดนี่คือองค์หญิงสาม จ้าวจีเอ๋อร์ ที่รู้จักกันในฐานะหญิงที่งดงามที่สุดในอาณาจักรจ้าว

ในเวลานี้ พวกเขากำลังวางแผนกันอยู่

“ข้อมูลลับ ในบรรดาองค์ชายที่สามารถเข้าแข่งขันเพื่อเข้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทคือองค์ชายแปด องค์ชายสี่ และองค์ชายใหญ่ องค์ชายสิบสี่ที่องค์หญิงกล่าวถึงนั้นคือคนที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและเกียรติยศขอรับ”

ในมือของจ้าวจีเอ๋อร์มีเพลงสายน้ำอยู่ในมือ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ถ้าเขาคือคนที่ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและเกียรติยศ พวกเจ้าก็เป็นขยะแล้ว คนที่สามารถเขียนบทกวีที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ต้องเป็นคนฉลาดแน่นอน”

“พวกเจ้าคิดหาวิธีให้ข้า ในงานเลี้ยงคืนวันพรุ่งนี้ต้องทำลายองค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรฉินให้ได้!”

“รับทราบ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์