องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 9

ตำหนักคุนเต๋อ

ฮองเฮาฉินซวงหลานกำลังสนทนาลับกับองค์ชายแปด

“การสอบเข้าขุนนางในวันพรุ่งนี้ ข้าได้เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าต้องเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันนี้ให้ได้”

“เรื่องนี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองอาณาจักร คณะผู้แทนสันติภาพของอาณาจักรเราและอาณาจักรจ้าวมาถึงในวันนี้ คนที่จะมาเป็นทูตทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธไมตรีกับพวกเราคือองค์หญิงที่งดงามเป็นอับดับหนึ่งในอาณาจักรจ้าว องค์หญิงสาม จ้าวจีเอ๋อร์”

“ถ้าเจ้าสามารถแต่งงานกับนางได้สำเร็จ ตำแหน่งองค์รัชทายาทจะต้องเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน”

องค์ชายแปดรู้สึกตื่นเต้นมากจนหน้าแดงก่ำ เขาคุกเข่าลง กำหมัดแน่นและโค้งคำนับ

“เสด็จแม่วางใจเถิด ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จ”

ทันทีที่พูดจบ เสียงตะโกนจากนางกำนัลดังขึ้นมาจากด้านนอก

“แย่แล้วเจ้าค่ะ ฮองเฮาเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!”

ทันใดนั้นเห็นนางกำนัลวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แม้กระทั่งสะดุดล้มแต่ก็ยังรีบวิ่งเข้ามา

ฮองเฮาฉินซวงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วพูดว่า

“เกิดเหตุอันใดถึงได้ร้อนรนเช่นนี้ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าให้สำรวม ห้ามพฤติตัวไม่เหมาะสมในพระราชวัง”

นางกำนัลคุกเข่าลงกับพื้นและรายงานด้วยหน้าที่ซีดเซียวว่า

“ซ่งมู่มู่และเพื่อนนักเรียนขององค์ชายแปด ถูกสมุหราชองครักษ์จับได้ตอนลอบเข้ามาพบกันเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเขาถูกนำตัวเดินแห่ประนามตามท้องถนนและต้องโทษขังกรงหมูพร้อมถ่วงน้ำเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ?”

ฮองเฮาลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก ถ้วยชาในมือร่วงหล่นพื้น

ก่อนหน้าที่นางพูดว่าห้ามประพฤติตนไม่เหมาะสมในพระราชวัง ผลในตอนนี้คือนางได้ขาดสติสัมปชัญญะไปเสียแล้ว

“เจ้าเล่าทุกอย่างมาให้ชัดเจน!”

นางกำนัลได้อธิบายสั้นๆ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอีกรอบ

“ปัง”

ฮองเฮาฉินซวงหลานตัวสั่นด้วยความโกรธ องค์ชายแปดฉินอู่ ก็โกรธเช่นกัน เขาดึงนางกำนัลขึ้นมาแล้วเค้นเสียงถามออกไปว่า

“เจ้าสิบสี่ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นเพื่อนนักเรียนของข้า? เหตุใดเขาถึงได้กล้าทำเช่นนี้?”

“เจ้ารีบไปรายงานรองเสนาบดีกรมอาญา และขอให้เขาตรวจสอบเจ้าสิบสี่ วันนี้เขาต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง!”

“ท่านแม่ทรงอย่าได้โกรธเลย มิฉะนั้นความโกรธนี้จะทำร้ายร่างกายท่าน”

องค์ชายแปดฉินอู่ช่วยประคองให้ฮองเฮานั่งลง แต่ฮองเฮากลับผลักออกอย่างแรงและพูดด้วยใบหน้าซีดเผือดว่า

“ไม่ต้องสนใจข้า เหตุใดเจ้ายังไม่ไปอีก!”

“รับทราบขอรับเสด็จแม่!”

...

ในท้องพระโรงพระราชวัง

การพบกันระหว่างทูตของอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวกำลังสิ้นสุดลง

ฮ่องเต้ฉินหัวเราะชอบใจและกล่าวว่า

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นคืนพรุ่งนี้จัดงานเลี้ยงกันเถิด แล้วให้องค์หญิงสามเลือกบรรดาลูกชายของเรา เลือกคนที่โดดเด่นที่สุด และให้แต่งงานกันระหว่างสองอาณาจักร!”

“ฮ่องเต้ทรงมีพระปรีชาสามารถมากพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากที่คณะทูตของอาณาจักรจ้าวได้ออกไปแล้ว บรรดาขุนนางฝ่ายอาณาจักรฉินต่างเริ่มหารือกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับอาณาจักรฉิน

ฮ่องเต้ฉินมีความสุขมาก อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่ามีเพียงองค์ชายแปดฉินอู่เท่านั้นที่จะสามารถชนะในภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ได้

ในขณะนี้ในท้องพระโรงมีรายงานเข้ามาว่า

“จ้าวปั๋วซื่อ จากสำนักศึกษาหลวง ขอเข้าเฝ้าพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”

ที่ทางเข้าท้องพระโรงของราชวัง จ้าวจือหย่าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับถือสาส์นไว้ในมือ

คุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับ

“ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี!”

“ยืนขึ้น จ้าวปั๋วซื่อมีเรื่องใดรายงานเราหรือ?” ฮ่องเต้ฉินถาม

จ้าวจือหย่ายืนมือทั้งสองข้างเพื่อมอบสาส์นให้ฮ่องเต้

“วันนี้หม่อมฉันได้บันทึกผลงานชิ้นเอกที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ อยากจะเสนอแนะแก่ท่าน ได้โปรดลองอ่านดูเพคะ”

“ส่งมา”

ขันทีส่งบทกวีให้ฮ่องเต้ฉินตรวจสอบ

ฮ่องเต้ฉินที่อารมณ์ดีอยู่แล้ว ยิ่งเห็นบทกวีผลงานชิ้นเอกยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก

“ดี เขียนได้ดีมาก! อาณาจักรฉินของเราสถาปนาอาณาจักรโดยการรบขึ้นมาได้ ทำให้โลกแห่งวรรณกรรมอ่อนแอมาโดยตลอด วันนี้เราได้รับบทกวีที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ จะต้องเป็นที่สนใจให้แก่แขกในงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้เป็นแน่! เราจะมอบรางวัลตอบแทนเป็นทองนับพัน ผ้านับหมื่น!”

“ตัวหม่อมฉันมิได้เป็นคนแต่งบทกวีนี้ขึ้น มิอาจรับรางวัลได้เพคะ”

ฮ่องเต้ฉินยิ้มและกล่าวว่า

“ใครแต่งบทกวีนี้ก็ยกรางวัลให้คนนั้น อืม บทกวีดีมาก ดีจริงๆ คงมิได้เป็นผลงานจากอาจารย์เราใช่หรือไม่?”

จ้าวจือหย่าประสานมือไว้ที่หน้าอกและรายงานว่า

“ขอแสดงความยินดีแก่ฝ่าบาท แสดงความยินดีแก่ฝ่าบาท!”

ในเวลานี้มีเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอก

จากนั้นเป็นรองเสนาบดีกรมอาญาวิ่งเข้ามา สะดุดล้มกลางทาง แต่ก็ยังรีบวิ่งเข้ามาถึงจุดหมาย

คุกเข่าอยู่หน้าท้องพระโรงพูดอย่างเสียอกเสียใจ

“ฝ่าบาท! องค์ชายสิบสี่มิใช่มนุษย์แล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาใส่ร้ายลูกชายของข้าว่าแอบนัดเจอหญิงสาวเป็นการส่วนตัว เขาต้องการรุมประชาทัณฑ์พวกเขา!”

คำพูดที่ออกมาโดยปราศจากการตรึกตรองทำให้ทุกคนต่างอึ้งไป รวมไปถึงฮ่องเต้ฉินด้วย

“เกิดอะไรขึ้น?”

ขันทีรีบกระซิบรายงานฮ่องเต้

“ฝ่าบาท เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ วันนี้มีชายหญิงคู่หนึ่งถูกจับได้ว่าอยู่ด้วยกันสองคน ฝ่ายหญิงนั้นร่างเปลือยเปล่า ส่วนฝ่ายชายก็แต่งตัวไม่เรียบร้อย อีกทั้งเขายังเป็นลูกชายของรองเสนาบดีกรมอาญาพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฮ่องเต้ฉินได้ยินดังนั้น จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ขว้างถ้วยชาไปยังรองเสนาบดีกรมอาญา

“ลูกชายของเจ้าแอบนัดเจอกับหญิงสาวสองต่อสอง เจ้ายังกล้าใส่ร้ายลูกชายเรา ทหาร มาลากมันออกไปและนำไปเข้าคุกที่กรมอาญา”

“รับทราบ!”

สมุหราชองครักษ์ก้าวไปข้างหน้าและนำตัวรองเสนาบดีกรมอาญาผู้โง่เขลาออกไป

“ฝ่าบาท ลูกชายของข้าถูกใส่ร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ!

ผลสุดท้าย ฮ่องเต้ฉินยังคงมองไปที่บทกวีอีกครั้ง ในใจเขาชื่นชอบบทกวีนี้อยู่ไม่น้อย

จ้าวจือหย่าถือโอกาสรายงานต่อว่า

“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ทรงมีพระปรีชาสามารถ ข้าขอให้พระองค์ทรงโปรดอนุญาตให้องค์ชายสิบสี่ได้เข้าร่วมการสอบเข้าขุนนางในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิดเพคะ ฝ่าบาทได้โปรดให้โอกาสเขาด้วยเพคะ”

ฮ่องเต้ฉินไม่ตอบ ในใจเขากำลังคิดทบทวน แต่บรรดาขุนนางกลับคัดค้านอย่างรุนแรง

“จ้าวปั๋วซื่อ เจ้าเองก็ทราบดีว่าการสอบเข้าในวันพรุ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับตำแหน่งองค์รัชทายาทในอนาคต”

“องค์ชายใหญ่ องค์ชายสอง องค์ชายสี่ องค์ชายแปด ทุกคนล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่น แค่องค์ชายสิบสี่ที่ไม่รู้ว่าไปแอบคัดลอกบทกวีมาจากที่ใด เขามีคุณสมบัติอะไรที่สามารถเข้าร่วมการสอบในวันพรุ่งนี้ได้หรือ?”

“นอกจากนี้ การสอบเข้าในวันพรุ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรจ้าว มีความสำคัญเป็นอย่างมาก...”

“พอแล้ว!”

ฮ่องเต้ฉินกล่าวเสียงดัง

“ในเมื่อเจ้าสิบสี่สามารถแต่งบทกวีได้ เหตุใดถึงจะไม่ให้เขาเข้าสอบในวันพรุ่งนี้เล่า?”

“จ้าวปั๋วซื่อไปแจ้งพระราชโองการของข้า ให้เขาเตรียมตัวให้ดี สอนกฎระเบียบต่างๆ ให้แก่เขา อย่าให้ลูกชายข้าต้องขายหน้าในวันพรุ่งนี้เป็นอันขาด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์