องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1101

ในที่สุดก็เจอเขาที่นี่ เพื่อจัดกิจกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆ

เมื่อถึงเวลาที่จิ่วโจวตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ทุกคนต้องคิดว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ

จางฝูลืมตาขึ้นและพูดว่า

“ท่านอ๋อง ท่านพูดว่าท่านจะให้การสนับสนุนอย่างดีที่สุด คนอย่างท่านพูดแล้วไม่คืนคำ ท่านไม่มีทางโกหกคนอื่น”

เขาเตรียมตัวมานานขนาดนี้ เขาตกปากรับคำกับทุกเรื่องแล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกเสียใจ ความพยายามทั้งหมดที่เขาทำมา กลับกลายเป็นว่าสูญเปล่าใช่หรือไม่?

ฉินเหยียนเองก็ลำบากใจ “เรื่องนี้ทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้าเองก็อยากเห็นด้วย แต่นี่คือความจริง อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่ข้าพูดว่าเรื่องทั้งหมดนี้พวกเจ้าต้องพึ่งพาตัวเอง ความคิดของเจ้าในตอนนี้เท่ากับว่าจิ่วโจวเสียผลประโยชน์ไปด้วย”

เมื่อจางฝูเห็นว่าฉินเหยียนไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด เขาพูดไม่ออกในทันที

เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“เช่นนั้น ท่านอ๋องคิดว่าข้าควรทำเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ? เยี่ยนเป่ยเป็นพื้นที่ยากจน ประชาชนเองก็ยากจน ก่อนหน้านี้แม้แต่อาหารการกินก็ไม่มี ท่านพูดว่าหากข้าไม่ใช้กลยุทธ์ที่แตกต่าง เช่นนั้นจะสามารถเป็นอิสระได้หรือ?”

“ท่านอ๋อง ไม่ว่าชาวเยี่ยนเป่ยจะรอดพ้นจากความยากจนได้หรือไม่ เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ถ้าท่านทรงตรัสว่าไม่สนับสนุน พวกเรายังจะมีความหวังอีกหรือ? หากพวกเราดูแลตัวเองได้จริงๆ เช่นนั้นประชาชนเยี่ยนเป่ยคงได้แต่อาศัยอยู่ในโพรงมืดๆ นั่งขุดเหมืองไปวันๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินจางฝูพูดเช่นนั้น ฉินเหยียนพลันตกอยู่ในความเงียบทันที

เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคิดอย่างรอบคอบอีกครั้ง

เขารู้สึกว่าที่จางฝูพูดมาก็มีเหตุผล

เยี่ยนเป่ยเป็นพื้นที่ยากจนแร้นแค้นมาก แย่กว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ พี่เจ็ดฉินอวี่บ่นว่าพื้นที่แห่งนี้เหมือนกับคนยุคหินอย่างไรอย่างนั้น

สถานที่อื่นๆ ในจิ่วโจว ไม่ว่าจะยากจนแค่ไหน อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเสื้อผ้าให้สวมใส่ ยังมีที่ให้พักอาศัย

แม้แต่ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในอาณาจักรจ้าวที่ไม่มีอาหารให้กิน แต่ยังมีเศษไม้ให้กินได้

แต่ที่นี่เล่า? สถานการณ์แย่กว่านั้นมาก หลายๆ คนอาจจะต้องอดอยากไปตลอดชีวิต

หลังจากที่พวกเขามาถึงที่นี่ สถานการณ์ในเมืองถูเหอก็ดีขึ้น

มิฉะนั้น ในตอนนั้นหลิวชางคงไม่ไปซ่องเพื่อหาความสุขให้ตัวเองหลังจากสร้างเรื่อง

เพราะนอกจากเมืองถูเหอแล้ว มีสถานที่เที่ยวทรุดโทรมหนึ่งแห่ง นอกจากนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว

ในเวลานี้ จางฝูยังคงคร่ำครวญ ฉินเหยียนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดขัดขึ้น

“เอาล่ะๆ สิ่งที่เจ้าพูดมาข้าเข้าใจ แต่ข้ายังยืนยันคำเดิม ช่องนั้นอย่าเพิ่งเปิด แต่ข้าจะให้การสนับสนุนเจ้าด้านอื่น”

จางฝูอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นกระพริบตาแล้วถามว่า “สนับสนุนด้านใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

หลังจากที่ฉินเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกไปว่า

หลังจากที่ได้ยินดังนั้ จ้าวจือหย่าพลันตกใจและพูดด้วยความสับสน

“ท่านอ๋อง ท่านจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือเพคะ?”

ฉินเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ข้าคิดว่าความคิดของจางฝูไม่ได้เลวร้าย ข้าจะลองทำดู”

จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วและคิดพักหนึ่ง จากนั้นพยายามพูดโน้มน้าว

“แต่ท่านอ๋อง ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉัน แต่หม่อมฉันขอเรียนตามตรง เงินที่เราต้องลงทุนในการแข่งขันเตะลูกหนัง พอๆ กับการก่อสร้างเมืองถูเหอเลยนะเพคะ!”

แน่นอนว่าฉินเหยียนคำนวณเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาต้องใช้เงินมากขึ้นหากทำเช่นนี้

เขายิ้มและพูดว่า “ที่เจ้าพูดมานั้นก็มีเหตุผล แต่เจ้าไม่ได้คิดถึงความหมายที่ลึกซึ้งของมัน”

“เอ๋? ท่านอ๋องได้โปรดทรงสอนหม่อมฉันด้วยเพคะ”

“มีอยู่สี่ข้อ”

“ข้อแรก อาณาจักรฉินกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ต้องการความบันเทิงมากขึ้น กีฬาก็เป็นหนึ่งอย่างที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ปลูกฝังจิตสำนึกความสามัคคีให้กับคนในจิ่วโจว ได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัว”

“ข้อที่สอง หลังจากกีฬาได้รับการสนับสนุนมากขึ้น การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลระหว่างเมืองจะเพิ่มมากขึ้น จะมีคนจำนวนมากต้องการฝึกฝนด้านนี้ ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของเศรษฐกิจ”

พูดถึงตรงนี้ ฉินเหยียนยิ้มออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์