ฉินเหยียนกลับส่ายหน้า ถอนหายใจเล็กน้อย
“เฮ้อ... ข้านอนไม่ค่อยหลับ และอึดอัดมาก อยากจะเปิดหน้าต่าง แต่ลมหนาวก็พัดเข้ามาอีก ข้าทนความหนาวไม่ได้”
คำพูดของฉินเหยียนราวกับอ่านใจพวกเขา
ขุนนางต่างพยักหน้ายิ้มอย่างขมขื่น
พวกเขาก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
เหตุใดประชาชนในเยี่ยนเป่ยใช้งานงานเตาเหล็กแล้วถึงดูสบายขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากความอดอยากมานานหลายปี
ตอนนี้บ้านกลับได้รับความอบอุ่นแล้ว ถือว่าเป็นชีวิตที่ดีแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะหนาวสั่นอีกต่อไป
แต่เรื่องนี้แตกต่างจากชาวที่อยู่ทางใต้ นี่เป็นสาเหตุที่ฉินเหยียนตื่นแต่เช้ามาเดินเล่นในสนามหญ้า
ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าเตาเหล่านี้ไม่ดี แต่สภาพอากาศในเยี่ยนเป่ยแตกต่างจากทางใต้มาก ข้าจึงเรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อปรับปรุงเตาให้ดีขึ้น”
“ในเมื่อต้องการปรับปรุง ข้ามีคำขอคือต้องการให้เตานี้ให้ความอบอุ่นได้ทั้งบ้าน ไม่อยากให้อับชื้น ไม่มีควัน อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ฉินเหยียนมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำขอของฉินเหยียน พวกเขาก็ตอบกลับทันที
“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลใจไป พวกเราจะปรับปรุงทันทีที่เรากลับไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นรบกวนพวกเจ้าด้วย”
ฉินเหยียนพยักหน้า มองไปที่พวกเขา “แต่พวกเจ้าช่วยบอกข้ามาเสียหน่อยว่าจะเสร็จเมื่อใด ข้ามีเวลาให้พวกเจ้าได้ไม่มาก”
ในเมื่อตัดสินใจว่าจะปรับปรุง เช่นนั้นจะไม่มีการจำหน่ายเตาเหล็กอีกต่อไป มิฉะนั้นจะเป็นการยากที่จะจัดการเตาเก่า
“นี่... อาจจะใช้เวลาประมาณสามถึงสี่เดือนพ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งในนั้นประมาณระยะเวลาออกมาให้
เห็นๆ กันอยู่คำขอของอ๋องเหยียนไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องใช้เวลาคิดว่าจะทำอย่างไร
ฉินเหยียนขมวดคิ้ว ส่ายหน้าแล้วูดว่า
“สามหรือสี่เดือนนั้นนานเกินไป ข้าให้เวลาเจ้าแค่สิบวัน”
สีหน้าของพวกเขาอึ้งไปในทันที ระยะเวลาที่ให้สั้นเกินไปแล้ว
“ท่านอ๋อง สิบวัน... ไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ... กระหม่อมเองก็อยากจะคิดหาทางให้ได้โดยเร็ว แต่เวลาสั้นขนาดนี้ ไม่มีทางตอบสนองความต้องการของท่านได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว... ท่านอ๋อง...”
ฉินเหยียนยกมือขึ้นเพื่อหยุดพวกเขาให้เงียบลง จากนั้นยิ้มและพูดช้าๆ
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจดี ข้าจึงได้เชิญพวกเจ้ามาร่วมหารือกัน อีกอย่างข้าจะแนะนำแนวทางให้เจ้าด้วย”
“อ้อ? ได้โปรดแนะนำกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของพวกเราเป็นประกายขึ้น
ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าเห็นกาน้ำชาเดือดอยู่ตรงหน้าเจ้าไหม? ข้าคิดว่าสองอย่างนี้ สามารถนำมารวมกันได้”
ขุนนางฝ่ายยุทโธปกรณ์โค้งคำนับทันที และเดินออกไป
หลังจากที่พวกเขาเดินออกไป ฉินเหยียนยืนขึ้นและยืดเส้นยืดสาย
ตอนที่เขายืดตัวเสร็จ มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
ฉินเหยียนหันกลับไปเป็นจ้าวจือหย่ากลับมาพร้อมกับจดหมาย
“ท่านอ๋อง มีจดหมายจากองค์ชายใหญ่เพคะ”
“อ้อ? พี่ใหญ่หรือ?”
ฉินเหยียนหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน
หลังจากอ่านแล้ว เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ได้กำหนดวันขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จะขึ้นครองราชย์ในต้นปีหน้า”
ฉินเหยียนคำนวณวันเวลา พบว่าเหลืออีกเพียงแค่สองสามเดือนเท่านั้น
จ้าวจือหย่าถามออกไปว่า
“เช่นนั้นท่านอ๋อง พวกเราต้องกลับไปหรือไม่เพคะ?”
ฉินเหยียนพยักหน้าแล้วยิ้ม
“กลับสิ ต้องกลับอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตท่านพี่ ข้าจะไม่กลับไปได้อย่างไรล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...