“น้อง เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยไหม?” มีคนถามด้วยความอยากรู้
ฉินเหยียนไม่ทันได้ตอบ อาจเป็นเพราะว่าเขากัดคำใหญ่เกินไป น้ำผลไม่พุ่งออกมาจนเขาต้องสำลัก
“แค่กๆ... แค่ก!”
จู่ๆ ในใจจ้าวจือหย่าพลันเครียด นางรีบเข้าไปช่วยตบหลังเขา
ทันทีที่ฉินเหยียนหายสำลัก เขาไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ แต่กลับพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“นี่ ผลไม้นี้อร่อยจริงๆ ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน เนื้อฉ่ำๆ เหมือนน้ำแข็งเกล็ด นอกจากกินยาก แต่รสชาติอร่อยเลยทีเดียว”
“จริงหรือโกหก?”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็โล่งใจ ทุกคนต่างเริ่มกระตือรือร้นที่จะลอง
ในเวลานี้คุณป้าที่เดินมาผ่านมากลับหัวเราะขึ้น
“พ่อหนุ่มน้อย นี่ไม่ใช่วิธีการกินสาลีน้ำผึ้งสีดำ เจ้าไม่เคยได้ยินคนพูดมาก่อนหรือ? ต้องกัดคำน้อยๆ และค่อยๆ ดูด”
เมื่อพูดเช่นนั้น นางก็หยิบสาลี่น้ำผึ้งสีดำขึ้นมาและสอนฉินเหยียนว่าต้องทำอย่างไร
ฉินเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยๆ กัดและดูดสาลี่ตามที่ชายชราสอน เป็นไปตามคาด เขาพบว่าวิธีการกินแบบนี้อร่อยว่าจริงๆ
คนอื่นลองทำตามเขา กัดคำเล็กๆ และค่อยๆ ดูดน้ำจากตัวผลไม้ พบว่าไม่เพียงแต่สาลี่ไม่เน่าเท่านั้น แต่ยังกรอบอีกด้วย
จากนั้นมีคนเข้ามาร่วมชิมสาลี่น้ำผึ้งสีดำมากขึ้น
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงครึกครื้นดังขึ้น
จ้าวจือหย่าหน้าแดง พลันดึงตัวฉินเหยียนและถามว่า
“สามี คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยเพคะ ต้องสำรวมมากกว่านี้นะเพคะ”
ฉินเหยียนหัวเราะ ชี้ไประยะไกลด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราจะสำรวมกิริยามารยาท ก็ยังดีกว่าพวกเขามิใช่หรือ?”
จ้าวจือหย่ารวมถึงคนที่อยู่ด้วยมองไปที่ทิศทางที่เขาชี้
เห็นจางฝูที่สวมชุดข้าราชการ อยู่ในกลุ่มผู้คน นั่งยองๆ พูดคุยกับผู้คนโดยถือข้าวโพดคั่วไว้ในมือ
“งั่ม ฮ่าๆๆๆ!”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหัวเราะลั่น
นั่นใต้เท้าจางมิใช่หรือ? ฮ่าๆ ดูท่าทีมีความสุขมากจริงๆ”
“ใช่จริงด้วยเพคะ ไม่คิดว่าขุนนางใหญ่แห่งศาลาว่าการจะติดดินเช่นนี้”
จ้าวจือหย่าเองก็อดหัวเราะไม่ได้ กุมท้องและหัวเราะจนตัวสั่น
จางฝูได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคยปะปนอยู่ด้วย เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขากระโดดด้วยความตกใจ เขาไม่สนใจกินข้าวโพดอีกแล้ว เขาโยนข้าวโพดในมือให้ลูกน้อง รีบเช็ดปาก และเดินไป
“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”
จางฝูโค้งคำนับฉินเหยียนด้วยความเคารพ
ฉินเหยียนมองไปที่เถ้าแก่ที่ชายสาลี่น้ำผึ้งสีดำในเวลานี้ เขาระมัดระวังตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัว
ตอนนี้คนในเมืองถูเหอต่างรู้ดีมิใช่หรือ? เป็นเพราะอ๋องเหยียนทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย แค่สาลี่ เหตุใดถึงได้รับความสนใจถึงขนาดนี้?
เขาสอนวิธีการกินที่ถูกต้อง ทำให้ท่านอ๋องส่งเสียงดูดแปลกๆ เวลากิน
เขาโทษตัวเองจนถึงกับคุกเข่ารอรับโทษ
แต่ฉินเหยียนประคองเขาขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“เถ้าแก่ ข้าชอบสาลี่น้ำผึ้งสีดำของเจ้ามาก อีกทั้งเจ้าให้ข้าชิมโดยไม่คิดเงิน เจ้าช่วยขายให้ข้าอีกได้ไหม? ข้าจะนำกลับไปให้คนในจวนเจ้าเมืองได้กินสียหน่อย”
“นี่... เป็นไปได้อย่างไร... ของสิ่งนี้...”
ชายชราตอบไม่ตรงคำถามเล้กน้อย
ฉินเหยียนยิ้มปละพูดว่า “จือหย่า ซื้อกลับไปด้วย เอาไปให้ต้าหย่งและหูหนิวได้ชิม”
หยางจิ่นซิ่วเป็นนักชิม ฉินเหยียนคิดว่านางต้องชอบแน่นอน
“เพคะ”
จ้าวจือหย่าหยิบเงินออกมาทันที เมื่อเห็นว่าฉินเหยียนไม่ได้ล้อเล่น ชายชราก็พูดอย่างตื่นเต้นทันที
“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ต้องการเงิน หากท่านชอบ ข้าจะให้ลูกชายนำไปส่งให้ตอนบ่ายพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...