จางจวิ้นดังนั้นก็รีบถามขึ้นว่า “เรื่องใดรึ? เชิญท่านลุงรับสั่งมาได้เลยขอรับ”
จางฝูค่อยๆถามขึ้นว่า “เมื่อก่อนในตอนที่เจ้าอยู่ที่ตระกูลจาง เจ้าคงรู้ดีใช่รึไม่ว่าในเยี่ยนเป่ยมีตระกูลใดที่ดื้อรั้นเป็นพิเศษ?”
“รู้ดี รู้ดีแน่นอน” จางจวิ้นรีบพูดทันที “ภายในตระกูลเหล่านี้ มีตระกูลหยาง ตระกูลหลิวและตระกูลอู๋ยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะตระกูลหยาง......”
จางฝูพยักหน้า จากนั้นก็อธิบายว่า “งั้นรึ ตระกูลเหล่านี้ต่อต้านต่ออาณาจักรฉิน ทำให้อาณาจักรฉินต้องปวดศีรษะ หากเจ้าสามารถเป็นตัวแทนไปเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลเหล่านี้เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรฉินได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะได้ผลงาน ไม่มีใครสามารถสังหารเจ้าได้”
“พันธมิตรงั้นรึ?” จางจวิ้นเกาศีรษะ แล้วพูดอย่างสงสัยอยู่บ้าง “ท่านลุง ข้าจะมีปัญญาโน้มน้าวพวกเขาได้อย่างไร?”
จางจวิ้นไม่มีอะไรเลย แต่หากเทียบเรื่องรู้จักตนเองแล้ว เกรงว่าเขาจะอยู่แนวหน้าทีเดียว เขาคิดว่าภารกิจนี้เหนือความสามารถของเขามากเกินไป ใช่ว่าอยากจะทำก็ทำได้เลย
“เจ้าโง่”
จางฝูเคาะศีรษะของจางจวิ้น “เจ้าไม่รู้จักใช้สมองหน่อยรึ? ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เห็นอำนาจของอาณาจักรฉินแล้ว มีใครที่ไม่เกรงกลัวบ้างรึ? ต่างก็กลัวจนถอยหลังแล้ว”
“ถึงตอนนั้นเจ้าก็ปลอมตัวทำท่าทีหนีออกมาจากตระกูลจาง เป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในตระกูลจาง จากนั้นเจ้าก็สามารถใช้ประโยชน์จากความสนิทนี้แทรกซึมเข้าไปภายในของพวกเขา เริ่มกระจายข่าวต่างๆนานา ทำให้พวกมันต้องเจรจากับอาณาจักรฉินแต่โดยดี”
“ส่วนเรื่องที่อาณาจักรฉินจะเจรจาสำเร็จรึไม่นั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าแล้ว อย่างไรเพียงแค่เจ้าสามารถเกิดการเจรจาได้ ข้าก็จะไปเข้าเฝ้าอ๋องเหยียน และจะมีความกล้ามากพอที่จะขอความเมตตาให้เจ้าได้แล้ว”
แผนการของจางฝูเรียบง่ายและบุ่มบ่าม แต่กลับพุ่งตรงไปยังแก่นแท้
จางจวิ้นตาเป็นประกาย จู่ๆก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เขาตบขาแล้วตะโกนเสียงดังว่า
“จริงด้วย! เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ตราบใดที่สามารถนัดการเจรจาได้แล้วอาณาจักรฉินชอบใจ ไม่แน่ว่าอาจจะปล่อยข้าไปก็ได้ แล้วข้าก็จะปลอดภัย อีกอย่างต่อให้เจรจาไม่สำเร็จ นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาไม่มีความสามารถมากพอ ข้าเป็นผู้เกลี้ยกล่อม มีความดีความชอบมากเช่นกัน”
จางฝูพยักหน้าอย่างพอใจ “ถูกต้องแล้ว ดังนั้นหากเจ้าอยากมีชีวิตต่อ ก็ต้องทำให้ดี”
“แหะๆๆ ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณท่านลุง!” จางจวิ้นยิ้มแย้มแล้วพูด
คำขอบคุณที่จริงใจอย่างยิ่งนี้ทำเอาจางฝูรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขาดึงสติกลับมาแล้วพูดอย่างเกรงใจว่า
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก อย่างไรหากสำเร็จก็เป็นผลงานของเจ้าเอง”
เมื่อจางจวิ้นไปแล้วจางฝูเองก็โล่งใจ เขารีบเดินไปยังจวนเจ้าเมือง เมื่อพบฉินเหยียนก็พูดว่า
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จางจวิ้นตอบตกลงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางฝูรายงานฉินเหยียนอย่างเคารพ
“อืม” ฉินเหยียนหรี่ตา แววตาเย็นชา เขาหวังว่าเจ้าพวกตระกูลหยางตระกูลหลิวตระอู๋อะไรพวกนั้น จะฉลาดกันหน่อย หากพวกมันฉลาด เขาก็ยินดีที่จะมอบงานให้พวกมันได้ปฏิบัติกัน เรื่องอื่นไม่รู้ แต่เรื่องเงิน จะต้องได้กำไรมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าอย่างแน่นอน แต่ว่าหากใครที่จะเห็นแก่ผลประโยชน์ในตอนนี้ ไม่ฉลาดขึ้นสักนิด......
เช่นนั้นฉินเหยียนก็มีแต่ต้องส่งพวกมันลงนรก!
จางฝูมองฉินเหยียนแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ท่านคิดว่าจะส่งใครจะคุ้มครองความปลอดภัยของจางจวิ้นพ่ะย่ะค่ะ?”
“ให้เป็นหน้าที่ของต้าหย่ง ต้าหย่งสามารถรับมือได้ทุกเรื่อง”
ฉินเหยียนครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงต้าหย่ง องครักษ์ของตนเอง
ต้าหย่งเป็นผู้เรียบง่ายและซื่อสัตย์ ปฏิบัติงานได้อย่างมั่นคง อีกอย่างศิลปะการต่อสู้ก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง การให้เขาเป็นองครักษ์ชั่วคราวของจางจวิ้นนั้นเพียงพอแล้ว และหากมีอะไรขึ้นมา เขาเองก็เอาอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...