อีกอย่าง แม้ว่าต้าหย่งจะเป็นองครักษ์ แต่ฐานะของเขาก็ไม่ธรรมดา ที่ฉินเหยียนยอมให้ต้าหย่งไปปฏิบัติหน้าที่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน
จางฝูต้องเข้าใจความหมายของฉินเหยียนอยู่แล้ว เขารีบพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะรีบไปเตรียมการเดี๋ยวนี้”
......
เวลาผ่านไปหลายวันอย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็มีแสงอาทิตย์ส่องแสง! ท้องฟ้าไร้เมฆ ถือว่าได้คลายความหนาวเย็นไปมาก ภายในโรงยิมเมืองถูเหอได้มีการเปลี่ยนติดตั้งอุปกรณ์ทำความร้อนแล้ว อีกทั้งรอบๆก็ได้จัดวางไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว
เหล่าชาวเมืองที่มาจากที่ต่างๆในเก้าแคว้น ต่างก็ได้มารวมตัวกันที่โรงยิมในวันนี้ บัดนี้ที่นี่มีคนมากมายอยู่เต็มไปหมด
“พวกเจ้าคิดว่าการแข่งขันเตะลูกหนังในครั้งนี้ ใครจะได้เข้ารอบก่อน?”
“พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง ต้องเป็นทีมเตะลูกหนังอิงเทียนของเราอยู่แล้ว พวกเขามีความสามารถกันอย่างยิ่ง พวกเจ้าไปลองไปถามดูก็รู้แล้ว”
“ฮ่าๆ ข้ายอมรับว่าทีมเตะลูกหนังอิเทียนของพวกเจ้าสุดยอดจริงๆ แต่หากเผชิญหน้ากับทีมเตะลูกหนังสยาเป่ยของเรา ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่ค่อยมีโอกาสจะชนะหรอกนะ”
“หึ เช่นนั้นก็คอยดูละกัน!”
แฟนคลับของทั้งสองทีมต่างก็ไม่ยอม และตอบโต้กัน ทำให้เกิดเสียงหัวเราะมากมาย และภาพเช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นอยู่ทุกที่ บรรยากาศกลมกลืนอย่างยิ่ง
และแล้ว การแข่งขันการเตะลูกหนังแห่งอาณาจักรฉินในปีแรกก็ได้เปิดม่านขึ้นแล้ว......
......
เยี่ยนเป่ย เมืองชุน
จางจวิ้นและพวกต้าหย่งได้มาถึงตรงนี้อย่างลำบาก พวกต้าหย่งได้แต่งตัวเป็นองครักษ์ของเขา แถมยังจงใจแต่งตัวอย่างสะบักสะบอมอย่างมากด้วย
เมื่อจางจวิ้นมองไปยังเมืองด้านหน้าแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ
ต้าหย่งถามขึ้นว่า “ถึงที่หมายความรึ? ตอนนี้เราจะไปที่ใดกัน? จะตรงไปยังตระกูลอู๋รึ?”
ภายในเมืองชุนนี้ อำนาจของตระกูลอู๋ยิ่งใหญ่ที่สุด
จางจวิ้นพูดอย่างประจบประแจงว่า “พี่หย่งช่างฉลาดยิ่งนัก หากตรงไปยังตระกูลอู๋เลยจึงจะไม่เป็นที่สงสัย”
เมื่อจางจวิ้นพูดดังนั้นแล้วทุกคนก็พากันเห็นด้วย
จางจวิ้นสีหน้าดีใจ เขารีบพูดว่า “เอาล่ะ ทุกคนเข้าเมืองแล้วตรงไปยังตระกูลอู๋กัน”
จางจวิ้นสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วด่าทอว่า “เจ้าบ้านี่ พูดจากับข้ายังไงกัน? ในยามที่ข้าทรงอำนาจในเยี่ยนเป่ย เจ้ายังไม่คู่ควรจะถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ!”
“โอ้โห!” คนรับใช้เฝ้าประตูถูกด่าจนหัวเสีย เขาพูดอย่างโอหังว่า “ให้ตายเถิดเจ้าขอทาน จงใจมาหาเรื่องงั้นสินะ? พวกเรา! จัดการมัน! ทุบตีเจ้าหนูนี่ให้ตาย!”
เมื่อคนรับใช้เฝ้าประตูออกคำสั่งแล้วก็มีคนออกมาจากด้านในยี่สิบสามสิบคน
มันพิสูจน์ประโยคที่ว่า หากเป็นความสามารถด้านอื่น เยี่ยนเป่ยคงไม่มี แต่มีทักษะพิเศษอย่างหนึ่ง คือขอเพียงตะโกนร้อง ไม่ว่าที่ใดก็จะมีคนพุ่งออกมาจากทุกทิศทางทันที
จางจวิ้นมองสถานการณ์แล้วตกใจอย่างยิ่ง เขากำลังจะอธิบาย แต่แล้วคนรับใช้พวกนั้นกลับไม่ให้โอกาสเขา ต่างก็ทุบตีเขา กำปั้นต่อยเข้าอย่างจัง
จางจวิ้นร้องอย่างอนาถด้วยความเจ็บปวด “อ๊าก ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ข้าคือจางจวิ้น! พวกเจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะ!”
พวกต้าหย่งที่คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆทำอะไรกันไม่ถูกทีเดียว ไหนเขาบอกว่าชื่อของเขาได้ผลไงเล่า เหตุใดจึงถูกทุบตีเช่นนี้?
“พี่หย่ง......เรา......เราจะทำอย่างไรกันดี?” ชายร่างกำยำคนหนึ่งถามขึ้น
คนอื่นๆเองก็มองต้าหย่งอย่างงุนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...