เพราะแม้ว่าเขาจะตำแหน่งหนึ่งในผู้นำแปดกองธง แต่ก็ถือว่าทั้งเป็นผู้นำแปดกองธงเช่นกัน ไม่มีใครทำอะไรอีกฝ่ายได้
การแบ่งตำแหน่งผู้นำแปดกองธงในตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งตำแหน่งเท่านั้น
อีกทั้งท่านผู้นำต้องเป็นผู้นำธงคนแรก ทุกคนจึงมองไปที่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ด้วยสายตามีความหวัง หวังว่าอีกฝ่ายจะขานชื่อตนเองออกมา
“ผู้นำธงแดงได้แก่...”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้หรี่ตาเล็กน้อย ค่อยๆ พูดช้าลง
ทันใดนั้น ทุกคนพลันหายใจถี่ขึ้น หัวใจก็เต้นแรง
แม้แต่ท่านเจ้าเมืองที่มั่นใจมากก็ถึงกับกำหมัดแน่น จ้องเขม่งไปที่ท่านผู้นำ
“ไม่ต้องตื่นเต้น ตำแหน่งธงเหลืองต้องเป็นของข้า ต้องเป็นข้า...”
ท่านเจ้าเมืองพึมพำกับตัวเอง
“ผู้นำธงเหลืองได้แก่ ฮูมู่หลู่!”
ในที่สุดท้ายซินเจวี๋ยหลัวก็ประกาศออกมา
ทันใดนั้นทุกคนในห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้นในทันที ฮูมู่หลู่ที่รอคอยเวลานี้มานานแล้วก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อยึดธงพร้อมกับยิ้มและแสดงท่าทีเคารพ
ส่วนท่านเจ้าเมืองกลับนิ่งงัน เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกเมินเช่นนี้มาก่อน
สักพักบรรยากาศพลันดูผิดหวังและน่าอึดอัดเล็กน้อย
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้กระแอมออกมาเพื่อลดความอึดอัดใจ
เขามองไปที่ทุกคนช้าๆ แล้วพูดว่า
“ผู้นำแปดกองธงคนใหม่ได้รับการเลือกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
“ช้าก่อน!”
จู่ๆ ท่านเจ้าเมืองก็ตะโกนขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างตกอกตกใจ
ทุกคนต่างมองไปที่ท่านเจ้าเมือง จากนั้นพวกเขาพลันตระหนักได้ว่าท่านเจ้าเมืองเดินตรงเข้าไปหาท่านผู้นำทีละก้าวช้าๆ ราวกับว่าต้องการถามอะไรบางอย่าง
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ขมวดคิ้วแน่น มองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “เจ้าต้องการทำอะไร? หรือว่าเจ้าต้องการขัดคำสั่งข้า?”
ท่านเจ้าเมืองทำเป็นไม่ได้ยิน เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
“ท่านผู้นำ เพราะเหตุใดท่านถึงไม่แต่งตั้งข้าให้เป็นหนึ่งในผู้นำแปดกองธง? เข้าลืมข้าไปแล้วหรือ?”
เสียงของเขาแหบแห้ง พูดจาติดๆ ขัดๆ เห็นได้ชัดว่าเขาความรู้สึกของเขาถูกกระตุ้นพอสมควร
หลังจากที่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ได้ยินเช่นนั้น เขาพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดเบาๆ ว่า
“ข้าไม่เคยลืมใคร เจ้าอยากเป็นหนึ่งในผู้นำแปดกองธงอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าอยากเป็น!” ท่านเจ้าเมืองรีบตอบทันที
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ยิ้มมุมปากพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย
“ขอโทษด้วย ความสามารถของเจ้ายังไม่มากพอ ข้าจะพิจารณาเจ้าในโอกาสหน้าก็แล้วกัน”
ท่านเจ้าเมืองพูดปลุกใจ เขาเปลี่ยนฝั่งในทันที
แม้ว่าอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้จะเป็นท่านผู้นำที่ยอดเยี่ยม แต่เขาทำงานในเมืองเปียงยางมานานกว่าสิบปี และขุนนางกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นเป็นคนที่เขาให้การสนับสนุนเบื้องหลัง
เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขานำทุกคนให้มาร่วมงานกันได้ เขาสามารถโค่นอีกฝ่ายได้และได้ครอบครองเมืองเปียงยางได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพูดจบ ขุนนางหลายคนกลับไม่มีใครตอบ แต่กลับจ้องมองเขาแทน
ในเวลานี้ท่านผู้นำอึ้งไป
เขามองไปที่คนที่เขาเคยให้การสนับสนุน ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่าเหตุใดขุนนางเหล่านี้ถึงไม่ยอมยืดหยัดอยู่ข้างเขา
แต่แล้ว คำพูดของผู้นำธงคนใหม่ทำให้เขาตัวแข็งทื่อไป
เออร์เดนยืนขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มว่า
“ท่านผู้นำ ชายคนนี้ทำเกินไปแล้ว เขาคิดก่อกบฎ ข้าแนะนำให้ฆ่าเขาจะได้เป็นการตักเตือนคนอื่นพ่ะย่ะค่ะ!”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ แนะนำว่าอย่าไว้ชีวิตเขาเอาไว้เลย เขากล้าตั้งคำถามกับท่านผู้นำ เขาสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
“พูดได้ดี กล้าตั้งคำถามกับท่านผู้นำ กล้าสงสัยกับการตัดวินใจครั้งใหญ่นี้ เขาสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อได้ยินขุนนางคนอื่นๆ พูดเช่นนั้น เขายิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
ในทางกลับกันอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้มองเหตุการณ์นั้นเงียบๆ ราวกับกำลังดูละคร
“พวกเจ้า...”
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกเวียนหัวแทบจะเป็นลม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...