ก๊อกๆๆ
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้ว สภาพเขาตอนนี้ไม่พร้อมจะเจอใครทั้งสิ้น
เขาพยายามกดเสียงให้ต่ำ แล้วพูดออกไปว่า “ใครกัน?”
“ท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยเองขอรับ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ท่านเจ้าเมืองได้ยินเช่นนั้น พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบจัดการเสื้อผ้าตัวเอง โดยไม่คิดที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารีบออกจากห้องแล้วผลักประตูให้เปิดออก
ด้านนอกมีชายรูปร่างกำยำยืนอยู่สองสามคน
พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของเขา
“ท่านเจ้าเมือง เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือขอรับ?”
พวกเขาต่างมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดของท่านเจ้าเมือง
“ข้ามาเป็นอะไร!”
ท่านผู้นำโบกมือปัด มองไปที่ลูกน้องและตะโกนสั่งว่า
“เข้ามาคุยกันข้างในเถิด อย่ามายืนคุยอยู่ตรงนี้เลย!”
ท่านเจ้าเมืองและลูกน้องเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อมาถึงในตัวบ้าน พวกลูกน้องต่างรอแทบไม่ไหวที่จะถามออกไปว่า
“ท่านเจ้าเมือง ท่านมิได้เข้าร่วมประชุมแต่งตั้งผู้นำแปดกองธงหรอกหรือ? เหตุใดถึงกลับมาในสภาพนี้ล่ะขอรับ?”
“ไอ้คนพวกนั้นมันเป็นบ้ากันไปแล้วน่ะสิ!” ท่านเจ้าเองยิ้มขมขื่น พร้อมกับเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกน้องฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด ทุกคนในห้องต่างพากันโกรธแค้น
“ล้อเล่นใช่หรือไม่? นี่มันตั้งใจชัดๆ!”
“ใช่น่ะสิ หากนำคุณสมบัติ ความสามารถหรือแม้แต่ความแข็งแกร่งของพวกขุนนางเหล่านั้นมารวมกันแล้ว ยังไม่เทียบไม่ได้กับท่านเจ้าเมืองเลย เหตุใดท่านเจ้าเมืองของพวกเราถึงไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้นำธงกันเล่า?”
“ถูกต้อง ท่านผู้นำหูหนวกตาบอดไปแล้วสินะ?”
“เฮอะ! ท่านเจ้าเมืองของพวกเราทั้งภักดีทั้งอุทิศตนให้กับชนเผ่านวี่ห์เจินมามาก แต่ผลลัพธ์ล่ะเป็นอย่างไร? พวกเขากลับไม่ให้ตำแหน่งแก่ท่านเจ้าเมืองเลย!”
“พวกเราไม่ยอม พวกเราไม่มีวันยอม!”
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นท่าทีของลูกน้อง อย่างน้อยๆ เขายังมีลูกน้องที่ภักดีและคอยสนับสนุนเขาอีกสองสามคน
ในขณะนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างใจเย็น
“ตอนนี้ข้าสงสัยในตัวท่านผู้นำอยู่ไม่น้อยว่าเขาได้รับการแต่งตั้งจริงๆ หรือ?”
“หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?”
คนอื่นๆ พลันถามออกมาด้วยความอึ้ง
สายตาของท่านเจ้าเมืองเป็นประกาย “เจ้าลองคิดดูสิ ท่านผู้นำคนเก่าของพวกเราอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ สุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด เหตุใดถึงมาตายกะทันหันทั้งๆ ที่สุขภาพยังดีอยู่เช่นนี้?”
“ไอ้สารเลวอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ ตอนที่ข้าป้องกันประตูเมือง ข้าก็รู้สึกได้แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่!”
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา พร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ
เขาเป็นหัวหน้าทหารป้องกันเมืองในวันนั้น แต่กลับถูกบังคับให้เปิดประตูเมือง
หลายๆ คนพลันนึกถึงการแสดงออกที่ไม่น่ารักของอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ ในใจยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าขันนัก
“ท่านเจ้าเมือง ท่านคิดว่าควรทำเช่นไรหรือ? พวกเราพร้อมทำตามคำสั่งท่านขอรับ!”
“ใช่แล้ว ชายคนนี้ร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่คู่ควรกับความจงรักภักดีของพวกเรา!”
ลูกน้องต่างพูดแสดงความคิดเห็นออกมา
เมื่อท่านเจ้าเมืองเห็นดังนั้น เขายิ้มออกมา หลังจากคิดไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงสั่งออกไปว่า
“อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ ทำเรื่องลับหลังชนเผ่านวี่ห์เจิน สังหารญาติของตัวเองบางทีอาจจะถึงขึ้นสังหารท่านผู้นำคนก่อนเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังแต่งตั้งตนเองขึ้นมา พวกเราต้องแจ้งชาวทุ่งหญ้าให้ทราบถึงเรื่องนี้ จากนั้นรวบรวมคนชอบธรรมเปิดโปงเขาและเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ท่านผู้นำคนก่อน!”
“ใช่แล้ว ฆ่าพวกมันเสีย ให้คนทั้งโลกรู้ว่าพวกมันหน้ารังเกียจเพียงไหน!”
บรรดาลูกน้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ พวกเราไปแจ้งคนของเราให้ทราบ จากนั้นพวกเราจะดำเนินการทันที!”
ท่านเจ้าเมืองโบกมือ “จำไว้ว่า เราต้องเคลื่อนไหวรวดเร็ว หากเราช้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
“ขอรับ!” ลูกน้องตอบรับอย่างรวดเร็วแล้วถอยหลังกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...