จางจวิ้นแววตาสับสน คนอาณาจักรฉินและเขามีความแค้นที่สังหารพ่อของเขา ถึงขั้นที่ว่าทุกคนในตระกูลตายด้วยน้ำมือของคนอาณาจักรฉินทั้งนั้น แต่เขาก็ได้ทรยศตระกูลเพื่อเอาชีวิตรอด สุดท้ายเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป เขาถึงขั้นยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคนอาณาจักรฉิน เขาสับสนไปหมดแล้ว
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของรองเท้าที่เหยียบลงบนพื้นหิมะ
“ใครกัน!?” จางจวิ้นตกใจและดึงสติกลับมา เขารีบหันหน้ามองกลับไป และพบว่าชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังถือเตาแบบพกยืนอยู่ด้านหลังเขา
“พี่ใหญ่ ข้าว่าแล้วว่าจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเสียหน่อย”
หลิวอวี่หลินยิ้มบางๆแล้วยื่นเตาไฟแบบพกให้เขา จากนั้นก็ปัดหิมะบนเก้าอี้ข้างๆจางจวิ้น แล้วนั่งลงข้างๆของอีกฝ่าย
จางจวิ้นรับเตาไฟแบบพกมา เขาอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะวางเตาไฟลงแล้วถามขึ้นว่า
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
หลิวอวี่หลินถูมือแล้วเป่าให้อุ่น จากนั้นก็เงยหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “ทีแรกข้าอยากจะมาคุยธุระด้วยเสียหน่อย แต่กลับพบว่าเจ้าไม่อยู่ที่ห้อง ก็เลยเดินออกมาหา”
เมื่อจางจวิ้นได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า
“ข้าก็แค่รู้สึกเคร่งเครียดเล็กน้อย แล้วเจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นรึ?”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือไปนวดตรงหว่างคิ้ว
หลิวอวี่หลินได้ยินดังนั้นก็หรี่ตายิ้มแล้วจ้องจางจวิ้นอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่มีเรื่องอะไรในใจรึไม่?”
เมื่อจางจวิ้นได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ “เปล่า ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า อนาคตไม่รู้จะทำอย่างไรดี?”
น้ำเสียงของจางจวิ้นเต็มไปด้วยความสับสน
เมื่อหลิวอวี่หลินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆคลายแล้วแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ตั้งใจว่า
“พี่ใหญ่กำลังกังวลว่าจะไม่มีที่ให้อยู่อย่างนั้นรึ?”
เมื่อเขาพูดดังนั้นจางจวิ้นก็สะดุ้งโหยง ตาของเขากระตุก ราวกับพูดแทงใจดำ เมื่อเขาเห็นว่าหลิวอวี่หลินจ้องเขาอยู่จึงได้พูดอย่างเก้อเขินว่า
“ด้านนอกช่างหนาวเย็นจริงๆ ทำเอาข้าสะดุ้งเชียว”
เมื่อหลิวอวี่หลินได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยเขา เพียงแค่ยิ้ม
“ที่จริงแล้วพี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยนะ”
หลิวอวี่หลินยิ้มแล้วพูดว่า “ทางแรกก็คือออกจากอาณาจักรฉิน ออกจากเยี่ยนเป่ย ไปที่อื่น ไม่กลับมาที่นี่อีกตลอดกาล อนาคตจะดีรึไม่นั้นขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งนั้น”
“ไม่ได้!” เมื่อฟังหลิวอวี่หลินพูดแล้วจางจวิ้นก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามสงบอารมณ์ จากนั้นก็กัดฟันพูดอย่างหนักแน่นว่า
“แม้ว่าข้าจะไม่กล้ารับรองว่าอนาคตจะมีชีวิตที่สุขสบายรึไม่ แต่ก็ดีกว่าการออกจากบ้านเกิด หากเป็นไปได้ข้าก็ยินดีที่จะอยู่เยี่ยนเป่ยต่อไป ต่อให้จะต้องเป็นขอทานก็ตาม!”
หลิวอวี่หลินเงียบไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า
“ทางที่สอง เจ้าจะต้องทิ้งความแค้น อย่างที่ข้าได้พูดไป จุดจบของตระกูลจางเป็นเพราะรนหาที่เองทั้งนั้น เจ้าอย่าได้เกลียดชังใคร ทำได้รึไม่?”
เมื่อจางจวิ้นได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป และแล้วก็ครุ่นคิด เขากำหมัดแน่น พยายามไตร่ตรองราวกับกำลังลังเลอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ค่อยๆคลายหมัดราวกับได้ตัดสินใจแล้ว
“ได้......” จางจวิ้นพูดด้วยสีหน้าซีดเซียว
หลิวอวี่หลินไม่คิดว่าเขาจะตกลงเร็วเพียงนี้ เขารู้สึกประหลาดใจมาก “เจ้าไม่เกลียดแล้วงั้นรึ?”
จางจวิ้นยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้า “หากจะบอกว่าไม่เกลียดก็คงไม่จริง อย่างไรตระกูลข้าก็ล่มสลายเพราะอาณาจักรฉิน แต่หากไตร่ตรองให้ดีแล้ว เรื่องแบบนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ อีกอย่างก็เป็นเพราะตระกูลจางของข้าทำให้แตกหักกันไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...