“พวกข้าขอคารวะท่านจาง” ทุกคนต่างโค้งคำนับ
“อืม” จางฝูโบกมือเพื่อแสดงว่าไม่ต้องมากพิธี จากนั้นก็พูดเข้าประเด็นว่า “ที่ข้ามาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะมีบอก”
“อ๋องเหยียนเรียกพวกข้าเข้าพบแล้วงั้นรึ?”
“พวกเจ้ารู้แม้กระทั่งเรื่องนี้เชียวรึ?”
จางฝูอึ้งไป เขายังไม่ทันได้พูด แต่คนพวกนี้ก็คาดเดากันได้แล้ว แต่ทว่า อย่างไรจางฝูก็เป็นผู้ที่ผ่านอะไรมามากมาย มีประสบการณ์ เขามองไปยังสายตาที่ทุกคนมองไปหาหลิวอวี่หลินแล้วก็เข้าใจขึ้นมา เจ้าหลิวอวี่หลินคงจะคาดเดาอะไรได้ก่อนแล้วเป็นแน่
เขากระแอม จากนั้นก็ค่อยๆพูดว่า “ที่ข้ามาในวันนี้ เพราะได้รับบัญชาจากท่านอ๋องมา อ๋องเหยียนให้ข้ามาบัญชา ขอเชิญทุกท่านไปยังจวนเจ้าเมือง เพื่อพูดคุยเจรจาเรื่องการพัฒนาเยี่ยนเป่ยในอนาคต หวังว่าทุกท่านจะไปเยือน”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วทั้งสามตระกูลก็ดีใจอย่างยิ่ง สีหน้าตื่นเต้นดีใจ รอมาตั้งหลายวัน ในที่สุดก็มาถึงแล้ว! พวกเขาอยากจะร่วมมือกับอาณาจักรฉินอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ว่ารอจนกังวลแล้ว กลัวว่าอาณาจักรฉินจะไม่เห็นพวกเขาในสายตา
คราวนี้โอกาสมาแล้ว! ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวจะมุ่งหน้าไปจวนเจ้าเมือง เพียงแต่ก่อนจะไปหลิวอวี่หลินก็ได้เรียกจางฝูเอาไว้
“ท่านจาง ข้าน้อยผู้นี้เคารพท่านจางมานาน ขอข้าพูดคุยกับท่านได้รึไม่?”
จางฝูมองเขาอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“แน่นอนอยู่แล้ว เช่นนี้แล้วกัน เรามุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองด้วยกันเป็นอย่างไร?”
เขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหลิวอวี่หลินมาก่อนแล้ว และรู้สึกประหลาดใจกับบุตรแห่งกิเลนอย่างยิ่ง จึงอยากจะรู้จักอยู่แล้ว ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้ม จากนั้นก็เดินลงไปด้านล่าง
ในขณะที่เดินอยู่บนถนน ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อยจึงทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น การเรียกขานจึงมีการเปลี่ยนแปลงไป
จู่ๆหลิวอวี่หลินก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจถามว่า
“ท่านลุงจาง ข้าน้อยได้ยินมาว่าอาณาจักรฉินจะสร้างทางรถไฟที่เยี่ยนเป่ย เป็นเรื่องจริงรึ?”
จางฝูพยักหน้าเบาๆ “เป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ทางด้านอาณาจักรฉินได้เริ่มลงมือปฏิบัติกันแล้ว”
ว่าแล้วเขาก็มองหลิวอวี่หลินอย่างสงสัย แล้วถามว่า “เจ้าเคยพบเห็นทางรถไฟมาก่อนเหมือนกันรึ?”
คนเยี่ยนเป่ยที่เคยได้ยินทางรถไฟนั้นมีไม่กี่คนจริงๆ
หลิวอวี่หลินส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างถ่อมตน จากนั้นก็พูดว่า
“ข้าจะมีสิทธิ์ได้พบเห็นได้อย่างไรกัน เพียงแค่บังเอิญได้ยินจากปากเพื่อนมาเท่านั้น”
จางฝูพยักหน้าแล้วไม่ถามต่อ
หลิวอวี่หลินแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ตั้งใจว่า
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาณาจักรฉินจะสร้างถึงที่ใดงั้นรึ?”
จางฝูพยักหน้า “เจ้าพูดถูก เรามีทรัพยากรแร่ธาตุมากมาย แต่กลับมีปัญหาด้านเสบียงอาหาร”
“เช่นนั้นท่านลุงก็คงจะรู้ ว่าอาณาจักรพัลแฮมีเสบียงอาหารที่มากมาย มีปริมาณเหลือล้นทุกปี แต่ก็ติดที่ไม่อาจขนส่งออกไปได้ จึงทำการค้าขายได้ยากใช่รึไม่?”
จางฝูพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้ว นี่คือปัญหาเชียวล่ะ”
หลิวอวี่หลินยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดจึงไม่สร้างทางรถไฟให้ยาวขึ้นหน่อยเล่า ตรงไปถึงอาณาจักรพัลแฮ เช่นนี้เสบียงของอาณาจักรพัลแฮก็จะสามารถขายไปได้ทั่วทุกที่แล้ว ถึงตอนนั้นเยี่ยนเป่ยก็จะไม่ขาดแคลนเสบียงอาหารอีกต่อไป”
จางฝูตาเป็นประกาย นี่เป็นความคิดที่ดีมากทีเดียว
“เจ้าพูดถูกอย่างยิ่ง เพิ่มเส้นทางให้ยาขึ้นเพียงน้อย ปัญหาเรื่องเสบียงอาหารของเราก็จะได้รับการคลี่คลาย หากในอนาคตอาณาจักรพัลแฮสามารถพัฒนาได้ทัน สถานการณ์การขาดแคลนเสบียงอาหารของทั่วทั้งเก้าแคว้นก็จะหมดสิ้นไป!”
เขาหัวเราะเสียงดังแล้วตบบ่าของหลิวอวี่หลิน และชื่นชมว่า
“สมแล้วที่เป็นบุตรแห่งกิเลน เพียงหนึ่งคำก็สามารถปลุกให้ได้สติ คำแนะนำของเจ้าช่างดียิ่งจริงๆ ข้าได้เรียนรู้เสียแล้วสิ”
หลิวอวี่หลินประสานมือคารวะถ่อมตน “ท่านลุงชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่พูดไปเท่าที่รู้เท่านั้น”
จางฝูดีใจแล้ว จากนั้นจู่ๆเขาก็สงสัยขึ้นมา และถามว่า
“แต่ข้าจำได้ว่า เสบียงอาหารของอาณาจักรพัลแฮ พวกเจ้าตระกูลหลิวเป็นผู้ค้ามาตลอดไม่ใช่รึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...