“หากทางรถไฟเชื่อมไปถึงอาณาจักรพัลแฮ เช่นนั้นกิจการหลักของตระกูลหลิวก็สูญสิ้นไปสิ?”
“ต่อไปนี้ตระกูลหลิวก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฉินแล้ว การช่วยส่งเสริมกิจการของอาณาจักรฉินเป็นเรื่องสมควร การที่คนหนึ่งคนหรือหนึ่งตระกูลเสียเปรียบไปหน่อย ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
“ฮ่าๆๆ......” จางฝูได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ จากนั้นเขาก็ตบบ่าของหลิวอวี่หลินแล้วยิ้มชื่นชมว่า
“เจ้าช่างเห็นแก่ส่วนรวมจริงๆ!”
หลิวอวี่หลินยิ้มบางๆ แต่ในใจกลับบ่นว่า ขืนยังตบแขนเล็กๆของเขาต่อไป คงจะไหล่หลุดกันพอดี
ทันใดนั้นเองจู่ๆจางฝูก็จริงจังขึ้นมา เขาพูดว่า
“เรื่องนี้ข้าจะกราบทูลต่ออ๋องเหยียน หากสำเร็จ ข้าจะชื่นชมเจ้าให้แน่นอน”
หลิวอวี่หลินอึ้งไป จากนั้นก็ประสานมือคารวะพูดว่า “เช่นนั้นก็ขอรบกวนท่านจางด้วย”
“เกรงใจเกินไปแล้ว ไม่รบกวนเลย” จางฝูโบกมือ
ขบวนผู้มาเจราเดินทางต่อไป ไม่นานพวกเขาก็ได้มาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองแล้ว และพบว่าภายในจวนเจ้าเมืองมีอาคารสูงใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางลาน และนี่คือที่พักของฉินเหยียน ส่วนจางฝูก็ได้เข้าไปรายงาน
......
ภายในห้องสมุด ฉินเหยียนเงยหน้ามองจางฝูแล้วยิ้มถามว่า “มาถึงกันหมดแล้วรึ?”
จางฝูตอบกลับอย่างเคารพว่า “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง มาครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วถามว่า “มีสิ่งใดผิดปกติรึไม่?”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ......แต่ว่าเหมือนว่าจะมีอยู่อย่างพ่ะย่ะค่ะ”
จางฝูครุ่นคิดแล้วพูดต่อว่า “เกี่ยวกับเรื่องของหลิวอวี่หลินผู้นำตระกูลหลิวพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ทราบว่ามันผิดปกติรึไม่”
“หือ?”
ฉินเหยียนเลิกคิ้วแล้วดวงตาประกายอย่างประหลาด “หลิวอวี่หลิน บุตรแห่งกิเลนนั่นไม่ใช่รึ?”
จางฝูรีบก้มศีรษะแล้วพูดว่า “เป็นบุตรแห่งกิเลน หลิวอวี่หลินพ่ะย่ะค่ะ”
ว่าแล้วจางฝูก็หยุดไปครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ได้พูดเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันตลอดทาง จากนั้นเขาก็พูดอย่างสงสัยว่า
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เข้าใจหลิวอวี่หลินหากอาณาจักรฉินสร้างทางรถไฟถึงอาณาจักรพัลแฮ สำหรับตระกูลหลิวแล้วจะต้องสูญเสียกิจการหลักของตระกูลเลยไม่ใช่รึพ่ะย่ะค่ะ?”
เขาครุ่นคิด และไม่เข้าใจว่าหลิวอวี่หลินคิดอย่างไร หรือว่าจะไม่แยแสต่อการสูญเสีย อยากจะเสนอสิ่งดีๆให้แก่อาณาจักรฉินงั้นรึ? แต่การทำเช่นนั้นจะคุ้มค่าแล้วงั้นรึ?
เมื่อฉินเหยียนได้ยินสิ่งที่จางฝูกล่าวมาก็ครุ่นคิดเพียงไม่นาน แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
จางฝูไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเลย “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปรึพ่ะย่ะค่ะ”
......
ณ ม่อเป่ย ท่ามกลางทุ่งหญ้า มีคนทุ่งหญ้าหลายสิบคนกำลังหนีเอาชีวิตรอดทุลักทุเล พวกเขาสีหน้ากระวนกระวายอย่างยิ่ง ราวกับมีผีกำลังไล่ตามยังไงอย่างงั้น ผู้ที่เป็นผู้นำสวมชุดผ้าทอ แต่บัดนี้เขาก็สะบักสะบอมอย่างมาก
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้และพวกฮูมู่หลู่ที่หนีเอาชีวิตรอดออกมาอย่างยากลำบากจากเมืองเปียงยาง หลายวันมานี้พวกเขาไม่กล้าหยุดพักเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าคนอาณาจักรฉินจะไล่ตามมาทันและต้องตาย
กว่าพวกเขาจะได้พักหายใจ อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็รีบกระชากผู้ติดตามที่กำลังหอบอยู่มาแล้วรีบถามว่า
“ยังมีทหารไล่ตามเรามารึไม่?”
ผู้ติดตามยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ท่านผู้นำพ่ะย่ะค่ะ คนอาณาจักรฉินไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว”
“ดี!”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้โล่งใจ เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ในที่สุดก็หนีพ้นเสียที ไม่เสียแรงที่ข้าเสี่ยงชีวิตหนีเอาชีวิตรอดจากการล้อม!”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้หายใจเข้าลึกๆแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง คราวนี้เขาไม่มีที่ยืนในชนเผาหนี่ว์เจินอีกแล้ว เขากลายเป็นท่านผู้นำที่เหมือนจะไม่มีก็ได้
“ท่านผู้นำพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าหนีไปยังชาวตาดจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮูมู่หลู่หายใจหอบแล้วพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...