องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 121

ด่านเจียยวี่

กองทัพใหญ่ของฉินเหยียนและองค์ชายใหญ่ฉินชงผ่านทางเข้าด่านด้วยท่าทีน่าเกรงขาม

ทหารที่คุ้มกันเมืองยืนมองจากด้านบนเห็นผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนเดินทางเข้ามาจากระยะไกล จึงรีบไปรายงานองค์ชายเจ็ดทันที

“กราบทูลรายงานองค์ชายเจ็ด! มีผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนกำลังเดินทางมาด้านในด่านพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายเจ็ดขมวดคิ้วและพูดอย่างเหยียดหยาม

“ผู้ลี้ภัย? คนในเมืองต่างอพยพหนีกันไปหมดแล้วมิใช่หรือ? ผู้ลี้ภัยมาจากที่ใดอีก?”

ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ ทหารคุ้มกันเมืองก็เข้ามรายงานตัว

“กราบทูลรายงานองค์ชายเจ็ด กองทัพกว่าห้าหมื่นคนเข้าผ่านด่านเจียยวี่แล้ว!”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ตกใจมาก การมาถึงของกองทัพพิสูจน์ให้เห็นว่าสงครามระหว่างสองอาณาจักรใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

มองลงไปจากเมืองด้านบน ดูมิได้รีบร้อนแต่อย่างใด นี่เป็นกองทัพหลานหมื่นคนได้อย่างไรกัน ก็แค่ผู้ลี้ภัยที่ถือจอบและเสียมก็เท่านั้น!”

เขาถามทหารคุ้มกันเมืองที่เพิ่งรายงานว่า

“เจ้าบอกข้าว่ามีกองทัพแค่หมื่นกว่าคนมิใช่หรือ เหตุใดถึงมีแต่พวกลี้ภัยกันเล่า?”

ทหารคุ้มกันเมืองพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า

“กองทัพปะปนอยู่ในผู้ลี้ภัยเหล่านี้ขอรับ”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังผู้ลี้ภัยเหล่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ฉินอวี่นำทหารคุ้มกันเมืองรีบวิ่งลงไปด้านล่าง

องค์ชายใหญ่ฉินชงและกองทัพสนับสนุนของพวกเขา ทุกคนต่างขี่ม้าเข้ามาหาองค์ชายเจ็ด สภาพมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่น

ผู้ร่วมทัพสองสามคนต่างโค้งคำนับ องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ถามออกไปทันทีว่า

“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดพวกเจ้าถึงมาพร้อมกับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้?”

องค์ชายใหญ่ฉินชงปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า

“เฮ้อ เรื่องมันยาวมาก คนพวกนี้เป็นคนที่เจ้าสิบสี่คัดเลือกมา บอกว่าพวกเขามีประโยชน์ ข้าพยายามเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมฟัง”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่พูดอย่างเย็นชา

“ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้มีประโยชน์อันใดกัน? พวกเขาจะบุกไปยังสนามรบด้วยจอบและเสียมในมืออย่างนั้นหรือ? เจ้าสิบสี่คิดทำอะไรไม่แม้แต่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน ท่านพี่ยังเชื่อคำพูดเขาอีก”

องค์ชายใหญ่ฉินชงเองก้หมดหนทางเช่นกัน

“ข้าเองก็หมดหนทางแล้ว เขามีกระบี่ชื่อเซียวของเสด็จพ่ออยู่ในมือ ข้าไม่แม้แต่จะกล้า ทำได้เพียงทำตามความต้องการของเขาและพากลุ่มผู้ลี้ภัยมาด้วย”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ส่งเสียงไม่พอใจในใจ พี่ใหญ่เป็นเหมือนดอกไม้ที่ทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถ

พลันมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา ไม่สู้ใช้โอกาสนี้โน้มน้าวพี่ใหญ่ ใช้โอกาสจากสงครามในครั้งนี้กำจัดเจ้าสิบสี่เสีย เขาพูดต่อว่า

ก่อนที่จะมาถึงด่านเจียยวี่ เขาได้เห็นสุดยอดทำเลทองที่หนึ่งแล้ว สั่งจ้าวจือหย่าว่า

“ข้าสังเกตมานานแล้วว่าตรงนั้นมียอดเขายอดหนึ่งไม่เลวเลย ภูเขาเขียวขจี น้ำใสสะอาด ถือเป็นสมบัติของธรรมชาติ อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะที่จะตั้งกองทัพประจำการไว้ที่นั่น เจ้าไปทำความรู้จักกับทุกคนเสีย จะได้ย้ายที่ได้”

“เจ้าค่ะ”

จ้าวจือหย่าโค้งคำนับทันทีและลงไปเตรียมการ

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่พูดอย่างเย็นชา

“ถือว่าเจ้ายังรู้จักเอาตัวรอด!”

องค์ชายใหญ่ฉินชงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุจึงพูดออกมาว่า

“พวกเราต่างเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงต้องพูดเช่นนี้!”

“น้องสิบสี่ เจ้าอยู่ที่นี่เถิด ให้ผู้ลี้ภัยตั้งค่ายด้วยตนเอง เจ้าเป็นถึงองค์ชายเหตุใดถึงต้องไปเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย?”

ฉินเหยียนเหลือบมององค์ชายเจ็ดแล้วหันไปพูดกับองค์ชายใหญ่ว่า

“ความหมายของพี่ใหญ่ ข้าเข้าใจดี แต่พี่เจ็ดคิดว่าข้าขวางหูขวางตา เช่นนั้นข้าจะทำให้ตนเองต้องเจ็บช้ำน้ำใจไปทำไมเล่า?”

จากนั้นก็โบกมือ บรรดาทหารชั้นดีขับรถม้ามาที่หน้าฉินเหยียน

ฉินเหยียนก้าวขึ้นไปแล้วออกคำสั่ง

“พวกเราไปกันเถอะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์