อาณาจักรพัลแฮ
ต่อให้เป็นช่วงดึกดื่น ภายในพระราชวังก็ยังคงมีแสงเทียน เบื้องหน้าของฮ่องเต้มีขุนนางอาณาจักรพัลแฮหลายคนคุกเข่าอยู่ เพราะเรื่องที่เสียโอรสไปเมื่อไม่กี่วันก่อนส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก ดูภายนอกแล้วเขาเข้มแข็ง แต่ที่จริงแล้ว ในระยะไม่กี่วันสั้นๆนี้ เขาก็ดูแก่ชราไปมาก ดวงตาแดงและใบหน้าเหลือง
เขามองไปยังขุนนางแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“อาณาจักรพัลแฮไร้ผู้สืบบัลลังก์แล้ว ทุกท่านมีวิธีอะไรดีๆรึไม่?”
ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดสีม่วงพูดอย่างเคารพว่า “ฝ่าบาท ทรงยังคงเยาว์วัย กระหม่อมคิดว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องนี้เลย”
ชายชราอีกคนส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“ไม่ได้ อาณาจักรจะไร้ฮ่องเต้ไม่ได้ หากเราไม่รีบทำการเลือกผู้สืบบัลลังก์ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ก็ยากที่จะควบคุมสถานการณ์ให้กลับคืนมา กระหม่อมคิดว่ารีบแต่งตั้งมกุฎราชกุมารองค์ใหม่โดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางอีกสองคนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ฮ่องเต้กลับโบกมือแล้วพูดด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า
“แล้วในสายตาของทุกท่าน มีผู้ใดในราชวงศ์ของข้าที่สามารถสืบทอดบัลลังก์นี้ได้บ้าง?”
เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันแล้วก้มศีรษะแล้วไม่พูดอะไร หากจะพูดตามตรงก็คือ ราชวงศ์แต่ละรุ่นดีไม่เท่ารุ่นก่อน ในสายเลือดของเขานอกจากองค์ชายใหญ่คนนั้นก็ไม่มีใครที่เลือกได้แล้ว
แต่องค์ชายใหญ่กลับถูกบั่นคอไป แม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้าคือราชวงศ์ไม่อาจไปเลือกผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไปได้แล้ว
ทันใดนั้นเองก็มีคนเสนอขึ้นมาว่า “เช่นนั้นก็เลือกมกุฎราชกุมารจากพระญาติเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ สามารถให้เขาเป็นโอรสบุญธรรมของพระองค์ก่อน เช่นนั้นก็ไม่แตกต่างจากโอรสแท้ๆแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางที่เหลือเองก็พยักหน้าแล้วพูดสมทบว่า
“ใช่แล้ว บัดนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว โปรดพระองค์รีบทำการตัดสินเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมได้เตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้า”
เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆปิดตาลง หากเป็นพระญาติก็กว้างขวางเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ หากตรวจสอบอย่างละเอียดก็จะพบว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นพระญาติของราชวงศ์ทั้งนั้น
ดังนั้นการเลือกมกุฎราชกุมารท่ามกลางคนเหล่านี้ เขาจะทำการเลือกเฉพาะในยามคับขันอย่างมากเท่านั้น
และทันใดนั้นเองจู่ๆเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ และลืมตาขึ้นมาถามว่า
“พวกเจ้าคิดว่าองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อสิ้นเสียงแล้วทุกคนก็เงียบกันหมด ทุกคนอึ้งไปหมด และมองเขาด้วยความอึ้ง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งฮ่องเต้ก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “ทำไมรึ ไม่เหมาะสมงั้นรึ?”
“เอ่อ......”
ทุกคนได้สติกลับมาแล้วส่ายหน้าพร้อมกัน และพูดว่า
“ใช้รูปลักษณ์ดึงดูดอะไรของเจ้า นี่เจ้าพูดดีๆเป็นรึไม่?”
จางจวิ้นเตะไปที่บั้นท้ายของเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“ลือกันว่าองค์หญิงใหญ่มีรูปลักษณ์ที่งดงามอย่างยิ่ง และเฉลียวฉลาด นี่เรียกว่าหญิงงามแสนดี เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มต่างหากเล่า เจ้าเข้าใจรึไม่?”
หยางคังเบ้ปากแล้วพูดว่า “ชิ เจ้าสี่ให้พี่สมรสเข้าร่วมราชวงศ์นั้นไม่ใช่รึ?”
จางฝูพูดอย่างไม่ได้ใจว่า “จะสมรสเข้าตระกูลก็ต้องดูว่าคือใคร นางคือราชวงศ์อาณาจักรพัลแฮเชียวนะ หากไม่แน่จริง เจ้าคิดว่าจะสมรสเข้าตระกูลได้ง่ายๆงั้นรึ?”
หยางคังเลิกคิ้ว “ก็ถูก”
“ข้ากลับคิดว่าแผนของเจ้าสี่ช่างดียิ่งนัก”
อู๋เจี๋ยชื่นชมอยู่อีกด้านว่า “ตามแผนของเจ้าสี่แล้ว ช่วยสนับสนุนให้องค์หญิงใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ แล้วท่านพี่ใหญ่ก็จะเป็นฮ่องเต้ของอาณาจักรพัลแฮในอนาคต บัดนี้ประจวบเหมาะกับที่องค์ชายของพวกเขาถูกบั่นคอไปแล้ว เราจึงไม่ต้องเสียแรงมากมาย ท่านพี่ใหญ่ก็จะได้เป็นฮ่องเต้แล้ว”
และประจวบเหมาะกับที่บัดนี้จางจวิ้นไม่มีความเกี่ยวพันกับตระกูล และยังไม่ได้สร้างครอบครัว เหมาะที่จะสมรสเข้าตระกูล เมื่อได้ยินอู๋เจี๋ยพูดดังนั้นแล้วจางจวิ้นเองก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง
แต่ว่าเขาก็แสร้งกระแอมอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า
“ข้าเพียงแค่กลัวว่าจะเสียน้ำใจน้องสี่เท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...