องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1313

ฉินชงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป เขาถามว่า “หมายความว่าอย่างไรรึ?”

ฉินเหยียนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่มักรู้สึกแปลกๆ

ทันใดนั้นเขาก็ถามกลับว่า “ทุกท่านคิดว่าดินแดนชาวตาดเป็นที่แบบใด? เป็นดินแดนป่าเถื่อนที่แห้งแล้ง ฝูงสัตว์ป่ามากมายอาละวาด ชาวเมืองดุร้าย”

เสนาบดีกรมอาญาจางเหวินอู่รีบชิงตอบว่า “คนที่นั่นแข็งกระด้าน ชำนาญการต่อสู้ แต่ละปีจะเข้ามาระรานในที่ราบกลาง เข่นฆ่าและปล้นชิง พวกมันโหดร้ายไร้ความเมตตา เป็นพวกเดรัจฉาน!”

คำพูดของเสนาบดีกรมอาญาทำให้เหล่าขุนนางคนอื่นๆพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ

ฉินเหยียนพยักหน้าแล้วถามขึ้นอีกครั้งว่า

“ในเมื่อทุกท่านก็รู้ดี เมื่อเกิดภัยพิบัติในที่ราบกลาง พวกชาวตาดจะต้องฉวยโอกาสเป็นแน่ แต่พวกมันกลับไม่ทำเช่นนั้น แถมยังมอบวัวแกะเพื่อช่วยเหลือเราเช่นนี้ พวกเจ้าไม่คิดว่ามันผิดปกติรึ?”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วทุกคนก็เข้าใจทันที ฉินเหยียนพูดถูก ชาวตาดไม่เพียงแต่ไม่เข้าโจมตีอาณาจักรฉิน แถมยังมอบเครื่องบรรณาการให้มากมาย มันไม่สมเหตุสมผลเลย

“แล้วน้องสิบสี่คิดว่าพวกมันทำเช่นนี้เพื่ออะไร?”

ฉินเหยียนชงมองฉินเหยียนแล้วถามขึ้น

“ข้าเองก็กำลังไตร่ตรอง แต่สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือพวกมันไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่นอน!”

ฉินเหยียนสีหน้าเข้มงวด แววตาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

ฉินชงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า จากนั้นก็ถามขึ้นว่า

“แล้วนอกจากนี้เล่า? เราควรจะทำอย่างไรดี?”

ฉินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หรี่ตาพูดขึ้นว่า

“ข้าคิดว่าอย่างไรดูผิวเผินพวกมันก็มาด้วยเจตนาดี หากเราไม่รับไว้ก็จะดูใจแคบ สามารถรับไว้ได้ แต่ต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้ด้วย”

“หือ?” เมื่อฉินเหยียนพูดดังนั้นทุกคนก็ตะลึง

“ท่านอ๋องเชิญตรัสพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพระคลังรีบพูดขึ้น

พวกฉินชงเองก็ตั้งใจฟัง พวกเขารู้สึกรำคาญใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นานแล้ว ต่างก็หวังว่าสถานการณ์ที่น่ารำคาญนี้จะจบลงในไม่ช้า

“ข้าเสนอว่าประการแรกคือต้องบอกกล่าวกับหลี่ชางที่อยู่ชายแดนว่า ให้เขาตั้งสติเอาไว้ให้ดี เพื่อป้องกันพวกชาวตาด นอกจากนี้ เราต้องป้องกันไม่ให้พวกชาวตาดก่อเรื่องขึ้น ดังนั้นในขณะที่จับตาดูพวกคณะทูตชาวตาด อาณาจักรฉินก็ต้องแสดงท่าทีที่สมบูรณ์แบบด้วย ห้ามให้ผู้อื่นมาว่าเอาได้”

ฉินชงได้ยินดังนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าพูดอย่างเห็นด้วยว่า

“น้องสิบสี่พูดถูก เราจะต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของกรมพิธีการละกัน”

“น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

ส่วนคนอื่นๆก็ได้หารือเรื่องอื่นๆต่อ จากนั้นก็ถอยกันไป

เมื่อได้ยินเสียงเรียกขานแล้วหลิวอวี่หลินก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอู๋เจี๋ยก็ยิ้มออกมาทันที

“พี่สอง มาแล้วรึ?”

“อืม” เมื่ออู๋เจี๋ยเดินเข้าไปใกล้แล้วก็ถามอย่างตะลึงว่า “ฝ่ายควบคุมกรมโยธาธิการก็คือการใช้แรงงานอย่างหนักที่นี่งั้นรึ?”

เมื่อหลิวอวี่หลินได้ยินดังนั้นก็จับจมูกตนเองแล้วยิ้มพูดว่า

“หึหึ ใช่แล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ข้าคิดว่าก็ดีนะ”

“คือ......” อู๋เจี๋ยส่ายหน้าแล้วถอนหายใจพูดว่า “เฮ้อ เจ้าลำบากแย่เลย”

หลิวอวี่หลินกลับโบกมืออย่างไม่สนใจแล้วพูดว่า

“ก็อยู่ดีนี่ไงเล่า แต่ว่าพี่สอง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยกัน รอข้าสักเดี๋ยว ข้าจะไปลาหยุดก่อน แล้วหาที่อื่นคุยกัน”

อู๋เจี๋ยพยักหน้าทันที

“ได้ๆๆ เจ้ารีบไปเถิด เราสองพี่น้องไปหาที่คุยกันเถิด”

หลิวอวี่หลินขานรับ จากนั้นก็เดินเข้าไปในที่ทำงาน ไม่นานก็เปลี่ยนชุดสะอาดสะอ้านออกมา จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปยังโรงน้ำชาที่ถือว่าดีร้านหนึ่ง

ทั้งสองไม่พบกันหลายเดือน ในที่สุดก็ได้กลับมาพบกันเสียที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์