องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1312

สองวิธีนี้ ที่จริงแล้วไม่ได้ง่ายดายเหมือนวิธีสุดท้ายเลย นั่นก็คือความรุนแรง

ใช้ความรุนแรงเพื่อให้เจริญรุ่งเรือง ต้นทุนน้อยแถมยังเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว ชีวิตของเหล่าชาวเมืองก็จะเกิดความก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วในระยะสั้นๆ

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ในหัวของฉินเหยียนก็นึกภาพหนึ่งออก นั่นคือภาพที่อาณาจักรฉินครอบครองใต้หล้านี้ นั่นคือเป้าหมายสุดท้ายของเขา

มีเพียงเช่นนั้น อาณาจักรฉินจึงจะไม่ถูกรุกรานจากศัตรู สงครามอันน่าสลดใจ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกในประวัติศาสตร์ มีเพียงเท่านี้ อาณาจักรฉินจึงจะอยู่อย่างสงบสุข ไม่ต้องหวาดกลัวใดๆอีก

ไม่ว่าจะใช้วิธีแบบใด เป้าหมายสุดท้ายก็เหมือนกัน มีเพียงการมีกำลังที่แข็งแกร่งมากพอเท่านั้น จึงจะไม่สะท้านต่อแผนการชั่วร้ายใดๆ

และแล้ว ฉินเหยียนก็ได้ตัดสินเส้นทางในอนาคตแล้ว

เพียงพริบตาเวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้ว วันนี้เสนาบดีกรมพิธีการได้มาที่ห้องหนังสือหลวงอย่างระมัดระวัง

“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้เป้าหมายที่ชาวตาดส่งคณะทูตมายังอาณาจักรฉินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมพิธีการมองฉินชงแล้วพูดขึ้น

ฉินชงเงยหน้ามามองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วถามขึ้นว่า

“หือ เพราะเหตุใดพวกมันจึงส่งคณะทูตมาที่อาณาจักรฉิน เจ้าลองพูดมาอย่างละเอียด”

เสนาบดีกรมพิธีการตอบกลับอย่างเคารพว่า

“จากรายงานที่กระหม่อมได้รับ การที่ชาวตาดส่งคณะทูตมาครั้งนี้ เพราะจะถวายวัวแกะให้พวกเราพ่ะย่ะค่ะ เพื่อแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินชงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่รึไม่?”

เสนาบดีกรมพิธีการส่ายหน้าแล้วอธิบายว่า

“ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสาส์นตราตั้งจากคณะทูตของชาวตาดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ว่าแล้วเสนาบดีกรมพิธีการก็ถวายสาส์นฉบับหนึ่งให้กับฉินชง ฉินชงรับมาแล้วอ่านอย่างตั้งใจ

เมื่อได้อ่านเนื้อหาจนจบแล้วฉินชงก็เงียบไปอยู่นาน ผ่านไปอยู่นานเขาจึงจะค่อยๆพูดขึ้นว่า

“เหตุใดจู่ๆพวกมันก็ใจดีขึ้นมา?”

“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะจัดการกับคณะทูตชาวตาดที่จะมาเยือนอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ แล้วก็พวกจดหมายเหล่านั้นด้วย กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินชงเงยหน้ามองเขาแล้วพูดว่า

“เรียกเสนาบดีทั้งหกกรม รวมถึงหลินเย้าจู้จากสภาบริหารราชการแผ่นดินมาหารือเรื่องนี้......อืม ส่งคนไปเรียกน้องสิบสี่มาด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

......

“เสนาบดีกรมพระคลังกล่าวถูกต้องอย่างยิ่ง การที่ชาวตาดมาเยือนในครั้งนี้ เป็นไปได้สูงว่าต้องการถอย อยากจะทำให้สายสัมพันธ์ของสองอาณาจักรดีขึ้นบ้าง”

เสนาบดีกรมมหาดไทยพยักหน้าสมทบแล้วพูดว่า

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าชาวตาดคงรู้แล้วว่าจะทำให้อาณาจักรฉินโกรธเกรี้ยวไม่ได้ ดังนั้นจึงได้เลือกมาเอาใจ เพื่อทำให้อาณาจักรฉินหายกริ้วบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

เสนาบดีกรมโยธาธิการเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อฉินชงได้ยินดังนั้นก็จับคางอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าถามขึ้นว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราควรจะไว้หน้าพวกมันรึไม่? ต้องเดินไปตามนั้นรึไม่”

เสนาบดีกรมพระคลังลังเลไปครู่หนึ่งแล้วประสานมือคารวะพูดว่า

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แม้ครั้งนี้ชาวตาดจะไม่มีความจริงใจนัก แต่พวกเขาก็ได้ยอมให้อาณาจักรฉินจริงๆ หากเราไม่ยอมรับ ก็จะยิ่งดูใจแคบพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดของเขาทำให้ฉินชงต้องครุ่นคิด ต้องยอมรับเลยว่าอีกฝ่ายพูดมีเหตุผล แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่กลับมองไปยังฉินเหยียนที่เงียบมาโดยตลอด

“น้องสิบสี่มองว่าอย่างไรบ้าง?” เขาถามขึ้น

เมื่อฉินชงพูดดังนั้นแล้ว ทั่วทั้งห้องก็เงียบไปหมด ทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังฉินเหยียน ราวกับอยากรู้ว่าเขาจะตอบอย่างไร

ฉินเหยียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่ มันไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์