ฉินอวี่ร่างกายอ่อนแอ การตบบ่าครั้งนี้ทำเขาเจ็บ แต่เขาก็ยังคงยิ้มแล้วพูดว่า
“พี่ใหญ่อย่าได้กังวลไปเลย ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”
บัดนี้ฉินเหยียนกำลังมองใบหน้าของฉินอวี่อยู่
ฉินอวี่เสียโฉม ใบหน้าของเขาเกิดบาดแผลด้วยมีด แม้ว่าบัดนี้จะตกสะเก็ดแล้ว แต่ก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นที่น่ากลัวไว้ ซึ่งดูน่าหวาดผวาอย่างยิ่ง
“พี่เจ็ด ใบหน้า......” ฉินเหยียนกังวลอยู่บ้าง เขารู้ว่าคนโบราณมักจะให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองมาก
คนชั่วบางคนไม่กลัวตาย ไม่กลัวถูกบั่นศีรษะเลยแม้น้อย แต่หากลงโทษด้วยการตัดจมูก หรือการทำสัญลักษณ์ต่างๆ พวกเขาก็จะไม่อยากพบใครในชีวิตอีกเลย
คนในสมัยนี้รักษาหน้าตาอย่างยิ่ง สำหรับพวกเขาแล้วการมีรูปลักษณ์อัปลักษณ์นั้นไม่เป็นไร ตราบใดที่ใบหน้าไม่เสียโฉมก็พอแล้ว แต่หากใบหน้ามีจุดด่างพร้อย นั่นจะหนักหนายิ่งกว่าแขนขาดหรือขาขาดเสียอีก
ฉินอวี่ยิ้มบางๆแล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า “แผลแค่นี้เอง ไม่เป็นไรเสียหน่อย ไว้ข้ารักษาแผลหายแล้วก็จะคงแข็งแกร่งและสามารถกวาดล้างศัตรูนับพันได้ง่ายๆเช่นเดิม”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “พี่เจ็ด ข้าหมายถึงใบหน้าของเจ้า......”
เขากังวลจริงๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีปมในใจ บัดนี้ก็แค่ฝืนยิ้มเพื่อให้พวกเขาสบายใจเท่านั้น ฉินเหยียนเข้าใจดีว่าเรื่องเช่นนี้ต้องได้รับการคลายปมเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหากเก็บเอาไว้ในใจไปตลอด ไม่นานก็จะแย่เอาได้
ฉินอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องแค่นี้เอง ข้าไม่ได้ใช้ใบหน้าทำมาหากินเสียหน่อย บัดนี้อาณาจักรฉินแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ข้าอยากจะทำอะไรก็จะทำเช่นเดิม ใครจะกล้าหัวเราะเยาะข้า?”
ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็วางใจทันที เขาพูดว่า
“ใช่แล้วพี่เจ็ด บัดนี้ข้ารู้สึกว่าเจ้ามีเสน่ห์ของผู้ชาย อีกอย่างรอยแผนเป็นใบหน้าของเจ้าก็คือเหรียญรางวัลของเจ้า พอข้าเห็นก็จะนึกถึงความสำเร็จที่เจ้าใช้คนเพียงไม่กี่พันคนในการต้อนศัตรูนับหมื่นที่ที่ลาดวั่งเฟิงขึ้นมา”
“งั้นรึ? ฮ่าๆๆ” ฉินอวี่ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
สามพี่น้องคุยกันสนุกสนานอย่างยิ่ง ทันใดนั้นฉินอวี่ก็นึกถึงเองที่เยี่ยนเป่ยขึ้นมา เขาถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“กองทัพของทั่วป๋าเยี่ยนถูกกวาดล้างไปหมดหรือยัง? หนีไปได้รึไม่?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของฉินเหยียนก็มีความหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า
“เกือบจะถูกกวาดล้างจนหมด แต่เจ้าบุคคลสำคัญกลับหนีไปได้!”
“ใครหนีไปได้รึ?” ฉินอวี่ประหลาดใจ
“ก็เจ้าทั่วป๋าเยี่ยนไงเล่า เจ้าหมอนั่นนำทหารม้านับสิบคนหนีไปกลับดินแดนชาวตาดไปได้”
ฉินชงเบ้ปาก น้ำเสียงของเขามีความไม่พอใจ
ฉินชงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป เห็นได้ชัดว่าเขาคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าทั่วป๋าเยี่ยนจะเป็นผู้มาเยือนอาณาจักรฉิน
เสนาบดีกรมพิธีการพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินชงครุ่นคิดแล้วโบกมือพูดว่า “เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของกรมพิธีการทั้งสิ้น ต้องแสดงศักดิ์ศรีของอาณาจักรฉิน และห้ามเสียมารยาทต่อชาวตาดด้วย ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยป้องกันไม่ให้ชาวตาดคิดไม่ซื่อ หากมีความจำเป็นสามารถให้กรมกลาโหมและกรมอาญาให้ความร่วมมือได้”
เสนาบดีกรมพิธีการประสานมือคารวะตอบรับ และแล้วเขาก็ได้รีบจากไป
เมื่อเสนาบดีกรมพิธีการจากไปแล้วก็มีจดหมายอีกหนึ่งฉบับส่งมาถึงมือฉินเหยียน
ฉินเหยียนเองก็ได้เปิดจดหมายออกต่อหน้าของฉินชง เมื่อเห็นเนื้อหาแล้วก็ทำเอาเขาตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
“น้องสิบสี่ เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?” ฉินชงกระวนกระวายตาม
ฉินเหยียนส่งจดหมายให้กับฉินชง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ดูเองเถิด”
ฉินชงมองฉินเหยียน เขารับจดหมายมาอ่านอย่างตั้งใจทันที ยิ่งอ่านสีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึม
เมื่ออ่านจบทั้งฉบับแล้ว ฉินชงก็ได้วางจดหมายลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ใช้มือยันโต๊ะเอาไว้แล้วหลับตาลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆอยู่สักพักกว่าจะค่อยๆลืมตา จากนั้นก็เผยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...