ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า
“เพราะว่าเขามาจากเยี่ยนเป่ย เพื่อเร่งการเข้าร่วมของเยี่ยนเป่ยและอาณาจักรฉินให้เร็วขึ้น หากส่งเสริมเขาที่เป็นชาวเยี่ยนเป่ย ประชาชนในเยี่ยนเป่ยจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งกับอาณาจักรฉินมากขึ้น”
“แต่ข้าไม่สามารถให้ท้ายเขาอย่างโจ่งแจ้งได้ มิฉะนั้นคนอื่นจะต้องไม่พอใจ ดังนั้นสุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับเขาที่จะมุ่งมั่นแค่ไหน”
“หลิวอวี่หลินกำลังช่วยข้า และข้าเองก็ช่วยเขาด้วย เขารู้ดีว่าเมื่อข้าอ่านจดหมายฉบับนี้ ข้ามองออกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอู๋เจี๋ยเลย และข้าก็คิดเช่นนั้นจริงๆ”
“แต่ข้าแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเลื่อนตำแหน่งให้อีกฝ่ายเพื่อช่วยให้เยี่ยนเป่ยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฉินมากขึ้น”
ทันใดนั้นจ้าวจือหย่าก็ตระหนักได้ว่าที่แท้ก็วางแผนเช่นนี้นี่เอง
แม้แต่ฉินเหยียนก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“หลิวอวี่หลินไม่เพียงแต่เข้าใจความคิดของข้าเท่านั้น แต่ยังมองสถานการณ์ภาพรวมออก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องจัดการศัตรูให้ง่ายขึ้น”
“สิ่งที่ยากที่สุดคือ เขาอายุยังน้อย คนที่มีความสามารถเช่นนี้ หากเขามีชีวิตยืนยาว แม้ว่าในราชวงศ์อาณาจักรฉินในอีกสองชั่วอายุคนจะไม่มีคนเก่งอยู่เลย ตราบใดที่เขาช่วยเราอยู่ เช่นนั้นสวรรค์ก็ไม่มีวันล่มสลาย”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเหยียนประเมินคนๆ หนึ่งเอาไว้สูงมาก
ในทางกลับกัน จ้าวจือหย่าเองก็รู้สึกตกใจมาก
“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงคิดว่าหลิวอวี่หลินมีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรือเพคะ?”
“ทำไมจะคิดเช่นนั้นไม่ได้ล่ะ?” ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ในทุกยุคทุกสมัย จะต้องไม่ขาดขุนนางที่ฉลาด บางคนทำลายคุณสมบัติและกฎเกณฑ์ของขุนนางทุกอย่าง บางคนช่วยยืดอายุราชวงศ์ที่ใกล้จะล่มสลายไปอีกหลายร้อยปี”
“แต่จิ่วโจวภายใต้การปกครองของอาณาจักรฉิน คนที่เก่งและมีความสามารถกำลังปรากฏขึ้นเป็นจำนวนมาก ขอแค่พวกเขามีความสามารถ วันหนึ่งทุกคนจะต้องประสบความสำเร็จ ในยุคที่เจริญรุ่งเรืองนี้ คนอย่างหลิวอวี่หลินจะต้องถูกเปิดเผยตัว และนำโลกไปสู่ความยิ่งใหญ่”
“ดังนั้นข้าไม่แปลกใจที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นมา แต่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เขาเองก็มีข้อบกพร่องในตัวเองเช่นกัน ไม่ต้องพูดอย่างอื่น เอาแค่เรื่องนิสัยเขาต้องได้รับการขัดเกลาถึงจะสามารถเป็นเสาหลักของอาณาจักรได้อย่างแท้จริง”
ฉินเหยียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จ้าวจือหย่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“เพคะ หม่อมฉันได้เรียนรู้จากท่านอ๋องแล้ว”
“ฮ่าๆ การสร้างอู่ต่อเรือหลวงใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะเขียนจดหมายถึงเสิ่นเฟยและขอให้เขาสนใจหลิวอวี่หลินมากขึ้น” ฉินเหยีนพูดด้วยรอยยิ้ม
จ้าวจือหย่าพย่าหน้าและตอบรับ “เพคะ”
...
ขณะนี้การก่อสร้างกองทัพเรือดำเนินไปอย่างเต็มที่ พูดกันว่าเป็นกองทัพเรือ แต่หากยึดตามหลักการของฉินเหยียนแล้วเขาชอบเรียกว่าบริษัทการค้าทางเรือมากกว่า
“เจ้าไม่รู้หรือ?” ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือ ในหนังสือเขียนว่าพวกชาวตาดสูงและตัวใหญ่พอๆ กับหมี หนักพอๆ กับวัว มีขนเยอะ และดวงตาก็ใหญ่ราวกับระฆัง”
“โห นี่ยังถือว่าเป็นคนอีกหรือ? นี่มิใช่สัตว์เดรัจฉานแล้วหรือ?”
“ใครว่ามิใช่ล่ะ? ชาวตาดเป็นสัตว์เดรัจฉานที่หน้าตาเหมือนมนุษย์มาก และพวกมันกินเนื้อมนุษย์ด้วย!”
“ชู่... เงียบน่า เดี๋ยวพวกชาวตาดก็ได้ยินหรอก”
“ได้ยินแล้วอย่างไร? พวกเราสนับสนุนอ๋องเหยียน หากคนนอกกล้ารังแกเรา อ๋องเหยียนจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน!”
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ในตอนแรกประชาชนทั่วไปกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อมีคนพูดถึงอ๋องเหยียน ความกังวลของพวกเขาพลันหายไป
อ๋องเหยียนถือว่าเป็นเทพเจ้าที่คอยปกป้องอาณาจักรฉิน!
“อ๋องเหยียนทรงพระเจริญ”
“อ๋องเหยียนทรงพระเจริญ”
ประชาชนต่างพากันส่งเสียงร้องและเสียงนั้นก็ดังไปทั่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...