องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1324

“ไม่เพียงแต่พูดจาหยาบคายไร้มารยาทเท่านั้น แต่ยังล้อเลียนอาณาจักรฉินอีกด้วย!”

เมื่อได้ยินพูดของรองเจ้ากรม เสนาบดีกรมพิธีการพลันโกรธขึ้นมาและถลึงตาถามออกไปว่า

“เรื่องอื่นเจ้าทนได้ถือว่าช่างไป แต่พวกมันกล้าเยาะเย้ยประชาชนชาวอาณาจักรฉินเช่นนั้น เจ้าทนได้อย่างไรกัน?”

รองเจ้ากรมพูดอย่างขมขื่น

“จะกล้าได้อย่างไรขอรับ แม้ว่าข้าคิดอยากเอาคืน แต่ก็ไม่สามารถทำลายชื่อเสียงอาณาจักรฉินเพราะความโกรธของตนเองได้”

ที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง เพียงเพราะความโกรธของตนเอง เขาอาจทำให้อาณาจักรฉินต้องเสียหน้า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสนาบดีกรมพิธีการทำได้แค่ถอนหายใจ

“อืม เจ้าทำถูกต้องแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เจ้าต้องรายงานให้ฝ่าบาททราบและรอดูว่าฝ่าบาทมีแผนการอย่างไร”

“เข้าใจแล้วขอรับ” รองเจ้ากรมตอบ

...

เสนาบดีกรมพิธีการเข้ามาในห้องหนังสือเพื่อพบฉินชง เขาเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้อีกฝ่ายฟัง อีกฝ่ายก็โกรธมากไม่แพ้กัน

แต่เขาทำได้แค่ต้องสงบจิตใจ เมื่อคิดถึงแผนการชั่วร้ายของชาวตาดแล้ว เขาพยายามระงับความโกรธและถามด้วยเสียงทุ้มว่า

“เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”

เสนาบดีกรมพิธีการโค้งคำนับและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าพวกคนเถื่อนเหล่านี้ทำเกินไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการให้อาณาจักรฉินต้องอับอาย”

“หากเราไม่ลงโทษพวกเขาอย่างจริงจัง ศักดิ์ศรีของอาณาจักรฉินล่ะพ่ะย่ะค่ะ? อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างเราจะถูกคนเถื่อนรังแกเช่นนี้หรือ?”

คำพูดของเสนาบดีกรมพิธีการทำให้ฉินชงจมอยู่ในห้วงความคิด เขาเองก็โกรธมากเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือจะจัดการอย่างไรจึงจะเหมาะสม?

ดูจากภายนอกแล้ว ชาวตาดได้แสดงความมีมิตรไมตรีนำวัวและแกะมาให้เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติในอาณาจักรฉิน เรียกได้ว่าเขาแสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

หากอาณาจักรฉินจัดการไม่เหมาะสม และทำให้ทั้งสองกลายเป็นศัตรูกัน เช่นนั้นจะยิ่งแย่

ทุกคนในโลกจะรู้สึกว่าอาณาจักรฉินทำเกินไป พวกชาวตาดได้ความเห็นใจจากสาธารณชน และอาจทำให้อาณาจักรอื่นรวมตัวโจมตีอาณาจักรฉิน

หลังจากที่ฉินชงเงียบไป เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า

“เราต้องทนต่อไป ไม่ว่าพวกชาวตาดจะพูดอะไร ตราบใดที่พวกเขายังไม่ทำเรื่องเกินตัว พวกเราต้องทำเป็นหูทวนลม”

เสนาบดีกรมพิธีการอึ้งไป ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะทรงตัดสินใจเช่นนี้

เขากำลังจะเอ่ยปากโน้มน้าว แต่สายตาของฉินชงกลับบอกให้เขาหยุด และโบกมือให้เขาออกไป

ในที่สุดเสนาบดีกรมพิธีการได้แต่ถอนหายใจ เดินออกจากห้องหนังสือไป

เดินไปไม่ไกลนัก เขาชนเข้ากับอ๋องเหยียน

ความคิดของเขาที่มีต่ออ๋องเหยียนนั้นซับซ้อนมาโดยตลอด ประการเขารู้สึกเหมือนเสนาบดีและขุนนางทุกคนที่รู้สึกขอบคุณอ๋องเหยียนที่ทำให้อาณาจักรฉินร่ำรวยและมีอำนาจ

แต่เรื่องที่ซับซ้อนก็คือ ชายคนนี้ไม่ปฏิบัติตามกฎใดๆ เลย ในสายตาของอีกฝ่าย ระบบกฎเกณฑ์และมารยาทต่างๆ ล้วนเป็นแค่สิ่งที่ตั้งขึ้นมาไว้เฉยๆ เท่านั้น

แต่เขายอมรับว่า ฉินเหยียนทำให้อาณาจักรฉินได้รับการพัฒนาอย่างดีในทุกๆ ด้าน

ในใจลึกๆ เขารู้ว่า ฉินเหยียนมีส่วนช่วยสนับสนุนอาณาจักรฉินอย่างมาก และอาณาจักรฉินคงไม่มีวันนี้หากไม่มีเขา

ฉินเหยียนได้ยินเช่นนั้นพลันขมวดคิ้วแน่น ท้ายที่สุดสีหน้าเขาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก

“อ๋องเหยียน หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว กระหม่อมขอลากลับก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เสนาบดีกรมพิธีการก้มหัวและถามอย่างระมัดระวัง

“ต้าหย่ง”

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”

ต้าหย่งเดินเข้าไปหาทันที

ฉินเหยียนพูดอย่างเย็นชาว่า

“พวกชาวตาดทำเกินไปแล้ว เจ้าหาคนมาสักสองคน เลือกเวลาที่เหมาะสมไปจัดการพวกชาวตาดให้ข้าหน่อย โดยเฉพาะทั่วป๋าเยี่ยน เอาให้สมกับฐานะเขา”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ต้าหย่งรับคำสั่งทันที

เมื่อเสนาบดีกรมพิธีการได้ยินเช่นนั้น เขาพลันเป็นกังวลทันที

“ท่านอ๋องทรงทำเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ นี่คือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎการต้อนรับทูตต่างเมือง ทำเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ”

แม้ว่าตัวเขาเองก็โกรธมากเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะฝ่าบาทไม่สนับสนุนให้เขาทำเช่นนี้

ตอนนี้เขากังวลว่าฉินเหยียนจะประมาทเกินไป

ฉินเหยียนคิดครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เรียกต้าหย่งอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? ท่านใต้เท้าพูดว่านี่เป็นการแสดงความไม่เคารพและไม่มีมารยาทต่ออีกฝ่าย ดังนั้นเจ้าต้องหาคนที่ไว้ใจได้และปลอมตัวเข้าไป อย่าเปิดเผยตัวตน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์