ส่วนเหล่าคนรักของพวกเขาก็ต้องออกมาขวางทางกันเป็นธรรมดา แต่ข้าราชการอาณาจักรฉินก็ยังคงให้ความเกรงใจพวกนาง เพียงแค่พาชาวตาดไปเท่านั้น
แต่ต่อให้เรื่องมาถึงตอนนี้ แท้จริงแล้วก็ยังไม่จบลงง่ายๆ
หลิวอวี่หลินคอยมองทุกอย่างนี้อยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เขาสัมผัสได้ทันทีว่าอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังสถานฝึกฝนกองเรือ ไม่นานก็ได้หาตัวอู๋เจี๋ยที่เหงื่อท่วมตัวพบ
“พี่สอง”
“น้องสี่ เจ้ามาได้อย่างไร?” อู๋เจี๋ยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วถามอย่างสงสัย
“พี่สอง อาณาจักรฉินเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นใช่รึไม่?” หลิวอวี่หลินเองก็ไม่รีรอ เขาพูดเข้าประเด็นทันที
“หือ? เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้รึ?” อู๋เจี๋ยรู้สึกประหลาดใจ แล้วยิ้มแล้วพูดว่า “อาณาจักรฉินจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรได้เล่า?”
หลิวอวี่หลินส่ายหน้าแล้วอธิบายว่า “อธิบายไม่ทันแล้วล่ะ เจ้าคิดหาวิธีไปสืบหาให้ข้าทีสิว่าเกิดอะไรขึ้นที่อาณาจักรฉิน สืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองหลวงมาได้จะดีที่สุด ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
อู๋เจี๋ยตั้งตัวไม่ทัน เขายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า
“น้องสี่ ข้าก็ลำบากใจแย่เลย ข้าจะไปมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“พี่สอง เรื่องนี้สำคัญมาก ข้ามีลางสังหรณ์ว่า อาณาจักรฉินอาจจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
หลิวอวี่หลินดึงแขนเสื้อของอู๋เจี๋ยแล้วพูดอย่างจริงจัง
อู๋เจี๋ยเห็นดังนั้นก็ลำบากใจ แล้วพูดว่า “เอาล่ะน้องสี่ ข้าตกลงก็ได้”
หลิวอวี่หลินโล่งอกทันที เขายิ้มแย้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณพี่สอง!”
ยามค่ำคืน อู๋เจี๋ยเอาแต่คิดเรื่องที่หลิวอวี่หลินขอให้เขาช่วย แต่ตอนนี้เขาจะไปสืบหาจากที่ใดกัน? หากสอบถามข้อมูลไปเรื่อยนั้นไม่ยาก แต่หากอยากจะรู้ว่าเมืองหลวง โดยเฉพาะที่พระราชสำนักเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก็ยากลำบากอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ท่านพ่อของเขาผู้เป็นผู้นำตระกูลอู๋ ก็ไม่สามารถเข้าไปได้
“โธ่! แล้วจะทำอย่างไรดี?”
อู๋เจี๋ยทำสีหน้าเคร่งเครียด เขางุนงงและร้อนใจอย่างยิ่ง จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นได้ เขาตบศีรษะเบาๆแล้วพูดว่า
“จริงด้วย ผู้คุมหอหลิว หรือจะถามนางดู?”
......
เมืองหลวง อาณาจักรฉิน
และแล้วนางก็ควงแขนของทั่วป๋าเยี่ยนแน่นยิ่งขึ้นแล้วหันหน้าไปยิ้มพูดว่า
“อย่าเพิ่งร้อนใจเลยนะ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ”
“อืม!” ทั่วป๋าเยี่ยนพยักหน้า
ไม่นานก็ได้มาถึงจุดหมาย เมื่อพบหน้ากันแล้วเฉินอวิ๋นฟางก็เริ่มโอ้อวดว่าทั่วป๋าเยี่ยนคือคนรักของนาง แถมยังอธิบายฐานะของเขาด้วย
เมื่อได้ยินเฉินอวิ๋นฟางกล่าวแล้ว เหล่าหญิงสาวก็พากันตะลึงแล้วเริ่มอิจฉากันขึ้นมา
“เดี๋ยวนะ เจ้าโชคดีเกินไปแล้วนะ”
“นั่นสิ เขาหล่อเหลาจริงๆ มีความเป็นลูกผู้ชายอย่างยิ่ง”
“เฮ้อ เทียบกันแล้วจะบ้า! เหตุใดข้าจึงไม่ได้พบคนที่โดดเด่นเช่นนี้กัน?”
ทุกคนพากันถกเถียงกัน เฉินอวิ๋นฟางกลับสีหน้าภูมิใจ ราวกับว่าตนเองเป็นองค์หญิง
ทั่วป๋าเยี่ยนเห็นดังนั้นแล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เขาคิดว่าตนเองได้มาแดนสวรรค์แล้วยังไงอย่างงั้น เฉินอวิ๋นฟางเรียกเขาอยู่หลายครั้งจึงจะเรียกสติเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...