องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1352

หลี่ชางพูดช้าๆ

“หากพวกเราไม่สามารถส่งกองกำลังเข้าไปได้ เช่นนั้นเราก็ต้องตอบโต้ซึ่งๆ หน้า ท้าทายแบบตัวต่อตัว ให้พวกชาวตาดเห็นว่าอาณาจักรฉินของเรายิ่งใหญ่จนไม่มีใครเทียบได้”

ทุกคนอึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ไม่นานพวกเขาพลันมีสีหน้ามีความสุข

“ท่านผู้บัญชาการ ความคิดนี้ช่างวิเศษมากขอรับ ไม่ต้องใช่อาวุธมากเกินไป อีกทั้งยังแสดงความสามารถและความกล้าหาญของอาณาจักรฉินได้อีกด้วย...”

“ฮ่าๆ หากเป็นเช่นนี้ พวกชาวตาดเหล่านั้นต้องตายกันหมดแน่!”

“ใช่แล้ว อาณาจักรฉินของเรามีแม่ทัพที่เก่งกาจมากมาย ข้าจะเป็นคนแรกที่ออกโรง หากข้าไม่สามารถฆ่าแม่ทัพชาวตาดได้ห้าถึงหกคน ข้าจะไม่กลับมา!”

“ฮ่าๆๆ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

บรรยากาศภายในเต็นท์เต็มไปด้วยความครึกครื้น บรรดาแม่ทัพแต่ละคนต่างพร้อมและกระตือรือร้นที่จะลอง

หลี่ชางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า

“นี่คือคำสั่ง ทหารทุกคนสามารถมาชมการประลองนี้ได้ วันนี้ตอนบ่าย ข้าจะเรียกให้จัดกองทัพ”

“ขอรับ!”

แม่ทัพทุกคนต่างตอบตกลงแล้วเดินออกไป

กองทัพชายแดนฝั่งอาณาจักรฉินเริ่มระดมกองกำลังทหาร ทำให้พวกชาวตาดต้องตกใจ คิดว่าอาณาจักรฉินเตรียมพร้อมทำสงครามแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงต่างพากันวิตกกังวลและเริ่มระดมทหารในวงกว้างด้วยเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายต่างจัดรูปแบบกองทัพแบบเกือกม้า มีลักษณะกองทัพเป็นของตัวเองและวางตำแหน่งเอาไว้อย่างเหมาะสม

การโจมตีของอาณาจักรฉินกลับแตกต่างออกจากไปจากที่พวกเขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก เมื่อพระอาทิตย์ลองอยู่กลางท้องฟ้า แม่ทัพอาณาจักรฉินสวมชุดเกราะเงินปรากฎตัวขึ้นในสนามรบพร้อมกับขี่ม้า

เดินมาที่ด้านหน้ากองทัพของพวกเขา

เช่นเดียวกันนักยิงธนูของชาวตาดต่างตั้งธนูและหยิบลูกธนูออกมา แม่ทัพอาณาจักรฉินแห่งตระกูลหยินจ้องเขม่งแล้วพูดว่า

“ข้าเป็นแม่ทัพแห่งอาณาจักรฉิน มีศัตรูคนใดกล้าออกมาต่อสู้กับข้าหรือไม่?”

หลังจากที่เขาพูดจบ ความเงียบพลันเข้ามาปกคลุมทันที

แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เรื่องนี้ได้เข้าหูแม่ทัพของชาวตาดทันที

หลังจากที่แม่ทัพชาวตาดได้ยินเช่นนั้นเขาอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกมา มองไปที่บรรดาขุนนางในเต็นท์ ส่ายหัวแล้วหัวเราะเยาะว่า

“พวกอาณาจักรฉินนี้อวดดีจริงๆ พวกมันคิดว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่คิดบ้างหรือว่าพวกมันจะต้องตายที่นี่?”

ขุนนางในเต็นท์ต่างแสดงสีหน้าเหยียดหยาม

ทันใดนั้นทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา

“ใช่แล้ว พวกอาณาจักรฉินไม่เคยได้ยินเลยหรือว่าไม่เคยมีใครล้มพวกเราชาวตาดได้มาก่อน?”

“ฮ่าๆ อีกอย่างหากส่งไปตาย ใครเขาใช้วิธีนี้กัน ข้าคิดว่าพวกมันไม่รู้จักรักตัวกลัวตายเอาเสียเลย”

“ถูกต้อง พวกเราส่งลูกน้องออกไปสักคน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกชาวอาณาจักรฉินต้องทรมาน”

“ฮ่าๆ ท่านใต้เท้า ในเมื่อพวกมันอยากตาย พวกเราจัดให้ไปตามคำขอดีหรือไม่?” ขุนนางชาวตาดคนหนึ่งพูดขึ้นมา

แม่ทัพชาวตาดหัวเราะใหญ่ “ดี ในเมื่อพวกเจ้าพูดเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเราส่งใครออกไปจัดการพวกอาณาจักรฉินดีล่ะ?”

“ลูกน้องในกองทัพข้ามีนักรบที่ทำหน้าที่นี้ได้ขอรับ!”

เพราะในสายตาของพวกเขา แม่ทัพชาวตาดไม่เพียงแต่ตัวใหญ่กว่าแม่ทัพอาณาจักรฉินเท่านั้น แต่ยังดูแข็งแกร่งกว่าอีกด้วย

“จะสู้อย่างไรล่ะทีนี้?”

มุมปากของหลี่ชางกระตุก เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

แม่ทัพคนอื่นๆ ในอาณาจักรฉินที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในเวลานี้ต่างสังเกตเห็นความผิดปกติตรงหน้าได้

พวกเขาลืมไปว่าพวกชาวตาดมีข้อได้เปรียบเรื่องรูปร่าง

การประลองสู้แบบตัวต่อตัวในครั้งนี้ พูดได้เลยว่าเป็นอันตรายต่ออาณาจักรฉินอย่างมาก

แต่ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันสู้ต่อ

มีคนมองไปที่หลี่ชางแล้วพูดปลอบว่า

“ท่านผู้บังคับบัญชาไม่ต้องกังวลขอรับ รูปร่างของพวกมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย พวกเราถือว่าเป็นลูกผู้ชายแห่งอาณาจักรฉินย่อมเก่งเรื่องการต่อสู้ ข้าแค่อยากดูว่าพวกชาวตาดจะแข็งแกร่งดังที่ว่าจริงหรือไม่”

หลี่ชางขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรต่อ แต่จ้องไปที่สนามรบด้วยสายตาจริงจัง

...

ในเวลานี้ ในสนามรบ แม่ทัพอาณาจักรฉินที่สวมเกราะเงินกำลังเผชิญหน้ากับอาเอ๋อร์ผีแห่งชาวตาด สายตาของพวกเราเต็มไปด้วยความอาฆาต

อาเอ๋อร์ผีมองไปที่แม่ทัพอาณาจักรฉินแล้วพูดว่า

“เจ้าไม่มีทางสู้ข้าได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์