“ในสถานการณ์ปัจจุบันมีคนนับหมื่นมารวมตัวกันขอร้องให้ฝ่าบาทและอ๋องเหยียนเป็นตัวแทนความยุติธรรมให้แก่พวกนาง”
หลังจากที่หลิวอวี่หลินพูดจบ ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบทันที หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็รู้สึกตัว
“พูดจาไร้สาระ! ไร้สาระเกินไปแล้ว!”
เสนาบดีกรมขุนนางพูดด้วยความโกรธ
“เหอเหอ”
หลิวอวี่หลินส่ายหัว
“ไร้สาระหรือไม่ ข้ากลับไม่เชื่อ ในตำหนักจินหลวนนี้มีคนมากขนาดนี้ กลับไม่มีใครสังเกตเห็นกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่นอกเมืองหลวงเลยหรือ?”
หลังจากที่หลิวอวี่หลินพูดจบ ทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
หลิวอวี่หลินไม่ได้พูดขัดขึ้น แต่กลับรออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เสนาบดีกรมขุนนางเงยหน้าขึ้นพูดว่า
“ข้าขอถามอะไรสักหน่อย พวกนางอยากให้ฝ่าบาทและอ๋องเหยียนให้การสนับสนุนแบบใด?”
หลิวอวี่หลินยิ้มและพูดว่า
“จะเรื่องอะไรอีกล่ะ? พวกนางอาจจะฟ้องร้องพวกท่านที่พูดเกินจริง ฟ้องร้องว่าพวกท่านรังแกผู้หญิงในอาณาจักรฉิน ฟ้องร้องว่าพวกท่านละเมิดหลักการความเสมอภาค ฟ้องร้องว่าพวกท่านเข้าไปก้าวก่ายเรื่องพวกนางจะคบหากับใคร”
ทันทีที่ประโยคนี้ดังขึ้น ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น รวมไปถึงฉินชงเอง ต่างพากันอึ้งไป
เสนาบดีกรมพิธีการจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า
“เป็นไปได้อย่างไร?พวกเราต่างช่วยกันปกป้องพวกนางต่างหาก!”
“นั่นน่ะสิ จะมีข่าวแปลกๆ เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? พวกเราเสียแรงไปแต่ไม่คุ้มค่า ดูเหมือนว่าพวกเราทำความผิดร้ายแรงอยู่เลย?”
“ใช่ ใต้เท้าหลิว คำพูดโกหกนี้สามารถนำมาหลอกคนอื่นได้หรือ?”
ทุกคนในท้องพระโรงต่างพากันตกใจ
ในขณะนี้ ขุนนางทุกคนมองไปที่หลิวอวี่หลินด้วยสายตาสงสัย
พวกเขาคิดว่าตนเองทำเพื่ออาณาจักรฉิน เพื่อปกป้องผู้หญิงในอาณาจักรฉิน ถึงได้ส่งกองกำลังออกไป
แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่พวกเขาปกป้องกลับรวมตัวกันฟ้องร้องพวกเขามากมายขนาดนี้?”
ไร้สาระที่สุด!
“พวกท่านคิดว่าเป็นเรื่องโกหกหรือ? ดีเลย บังเอิญว่าข้าได้พาตัวแทนผู้หญิงเหล่านั้นมาด้วย ไม่ลองฟังพวกนางพูดเสียหน่อยล่ะว่าพวกนางต้องการอะไรกันแน่?”
หลิวอวี่หลินพูดจบ เขาก็ถอยกลับไปสองสามก้าวทันที หลังจากนั้นมีการนำประชาชนผู้หญิงมากกว่าสิบคนเข้ามา เมื่อพวกนางมาถึงในท้องพระโรงกลับรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าพวกนางมาที่นี่เพื่อระบายความคับข้องใจ พวกนางจึงรวบรวมความกล้าขึ้น
“เข้าเฝ้าฝ่าบาทและอ๋องเหยียนเพคะ”
ผู้หญิงหลายสิบคนคุกเข่าลงกับพื้นและพูดขึ้น
“ฝ่าบาท อ๋องเหยียน กลุ่มสตรีของเรานั้นขอร้องให้อ๋องเหยียนเป็นตัวแทนความยุติธรรมให้กับพวกเราด้วยเพคะ!”
“ฝ่าบาท ทรงเป็นตัวแทนความยุติธรรมให้พวกเราด้วยเถิดเพคะ!”
ทันทีที่พวกนางคุกเข่าลง ตาของพวกนางพลันแดงก่ำ และเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่เพียงแต่ดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น อีกทั้งยังูเหมือนถูกรังแกด้วย
ขุนนางในท้องพระโรงขมวดคิ้ว เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทำให้ใจของพวกเขาที่อุทิศให้กับประชาชนกลับรู้สึกไม่สบายใจ
เสนาบดีทั้งหกกรมตกใจ พวกเขาคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว
“ฝ่าบาท มิใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่แล้วฝ่าบาท กระหม่อมได้ของคำสั่งให้ศาลาว่าการทั้งจิ่วโจวว่าอย่าทำร้ายประชาชนพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาททรงตรวจสอบให้ชัดเจนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ!”
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งตำหนักจินหลวนพลันตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย
“จะบอกว่าหนังสือประชาชนเล่มนี้เป็นของปลอมหรือไร?”
ฉินชงตะคอก ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ
เขามองไปที่ผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วถามว่า
“พวกเจ้า มารวมตัวกันที่นอกเมืองเพื่อฟ้องร้องเสนาบดีทั้งหกกรมใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้วเพคะฝ่าบาท ได้โปรดเป็นผู้ตัดสินแทนเราด้วยเพคะ!”
หลังจากที่พวกนางพูดจบ พวกนางต่างพากันคุกเข่าและร้องไห้อีกครั้ง
ฉินชงขมวดคิ้วแน่น เหลือบมองไปที่เสนาบดีทั้งหกกรม และพบว่าพวกเขาต่างพากันก้มหน้า
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องมีคนเข้าใจผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
เสนาบดีกรมพิธีการพูดขึ้น
“ให้กระหม่อมได้พูดอธิบายกับพวกนางสักสองสามประโยคได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...