“หากท่านอ๋องอยากจะตรวจสอบอะไรก็ไม่ยากเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี!” ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างพอใจ
จากนั้นเขาก็พูดอย่างเข้มงวดว่า “เจ้ารีบออกคำสั่งไป ให้คิดหาวิธีดูแนวโน้มของแต่ละอาณาจักรรอบๆนี้......”
ว่าแล้วฉินเหยียนก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า
“โดยเฉพาะที่ต้องระวังคือ มีอาณาจักรใดบ้างที่ค่อยๆสนิทสนมกับชาวตาดแล้วบ้าง”
สีหน้าของฉินเหยียนทำให้จ้าวจือหย่าเหมือนจะคิดอะไรได้
นางรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปออกคำสั่งให้คนรีบไปปฏิบัติเพคะ!”
ฉินเหยียนโบกมือเพื่อแสดงให้จ้าวจือหย่าไม่ต้องสนใจเขา ส่วนเขาก็ครุ่นคิดเองอีกเช่นเคย ผ่านไปอยู่นานเขาก็ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรบอกกับพี่ใหญ่และพี่เจ็ด และแล้วเขาจึงยืนขึ้นแล้วเตรียมจะเข้าพระราชวัง
ฉินเหยียนได้มาถึงพระราชวังอย่างราบรื่น เมื่อพบฉินชงแล้วก็ได้เรียกฉินอวี่มาด้วย
ทั้งสามพี่น้องรวมตัวกัน ฉินชงมองฉินเหยียนอย่างสงสัยแล้วถามว่า
“เจ้าสิบสี่ เกิดอะไรขึ้นใช่รึไม่? ถึงได้เรียกข้าและเจ้าเจ็ดมาด้วยกันเช่นนี้?”
ฉินอวี่ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แล้วมองฉินเหยียนอย่างสงสัย
เมื่อฉินเหยียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้าพูดว่า
“หาใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอก แต่อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นต่างหาก”
ฉินชงและฉินอวี่ยังคงจ้องมองเขา เพื่อรอให้เขาพูด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองสีหน้าเคร่งขรึม ฉินเหยียนก็ได้อธิบายรายละเอียดถึงการคาดเดาต่างๆนานาของหลิวอวี่หลินให้ฟัง เมื่อพูดจบแล้วฉินชงและฉินอวี่ก็สีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง
จากนั้นทั้งสองก็พากันตกตะลึง สีหน้านั้นราวกับเห็นผียังไงอย่างงั้น พวกเขาจ้องมองฉินเหยียนอย่างตกตะลึง และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งแล้วฉินชงก็กลืนน้ำลายแล้วพึมพำว่า
“นี่......นี่.......นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว ชาวตาดมีความทะเยอทะยานเพียงนั้นเชียวรึ?”
ฉินอวี่เองก็พูดสมทบว่า “นั่นสิ มัน......มันช่าง......”
ฉินเหยียนกลับแค่กระแอมเบาๆแล้วเบ้ปากพูดว่า
“เรื่องที่ชาวตาดมีความทะเยอทะยานสูงนั้นไม่ใช่เรื่องระยะนี้แล้ว อีกอย่างพวกมันก็ดูถูกคนที่ราบกลางมาโดยตลอด สำหรับชาวตาดแล้วราชวงศ์ที่ราบกลางนั้นก็แค่สวนหลังบ้านของพวกมัน”
ฉินชงและฉินอวี่ได้ยินดังนั้นก็ต้องพยักหน้าเห็นด้วย
ฉินอวี่พูดอย่างร้อนใจว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ต้องได้รับผลกระทบอย่างยิ่งเป็นแน่”
ฉินเหยียนเงียบไป เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ชาวตาดมีกำลังในการต่อสู้ที่ดุดันอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัว
แต่ตอนนี้ชาวตาดกลับดึงอาณาจักรอื่นๆเข้าด้วยกัน นั่นทำให้ฉินเหยียนรู้สึกเป็นปัญหา หลักๆเพราะไม่รู้ว่าชาวตาดดึงพันธมิตรมาได้เท่าไร หากชาวตาดดึงมาได้มากพอ อาณาจักรฉินก็จะตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรแล้วต่อให้อาณาจักรฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถบุกทะลวงการปิดล้อมของอาณาจักรมากมายเพียงนั้นได้
ฉินชงที่อยู่ข้างๆสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดว่า
“ข้าคิดว่าเราต้องทำการเตรียมพร้อมให้ดี หากเกิดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดขึ้น เราควรจะทำอย่างไรเพื่อลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุด”
ฉินอวี่พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย และเสนอว่า
“เราควรจะเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าก่อน และก่อนที่จะทำการเตรียมการล่วงหน้าคือ เราต้องสืบรู้ว่ามีอาณาจักรที่เข้าร่วมกับชาวตาดเพื่อต่อกรกับอาณาจักรฉินมากเท่าไร”
ฉินชงพยักหน้าพูดว่า “อืม รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง! ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ จะต้องได้ครอบครองการเคลื่อนไหวของทุกๆอาณาจักรให้ได้”
“ไม่ต้องหรอก ข้าได้ส่งคนไปแล้ว เกรงว่าอีกไม่กี่วันก็จะได้ข่าวแล้ว” ฉินเหยียนพูดขึ้น
ฉินชงอึ้งไป แล้วมองเขาอย่างตกตะลึงแล้วถามว่า “ส่งคนไปเมื่อไรรึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...