“อาณาจักรคุชะเกลียดชังชาวตาดยิ่งกว่าเกลียดชังพวกเรา ดังนั้นการที่พวกเขาจะร่วมมือกันกระทำความชั่วกับชาวตาดนั้น เกรงว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
ฉินอวี่ได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างดีใจว่า
“นี่เป็นข่าวดีเลยนี่! ชาวตาดดึงอาณาจักรคุชะเข้าร่วมไม่ได้ง่ายๆ งั้นพวกเราก็สามารถไปดึงพวกเขาเข้าร่วมได้นี่!”
“ถูกต้อง!” ฉินชงเงยหน้าแล้วพูดทันทีว่า
“ชาวตาดดึงพวกเขาเข้าร่วมไม่ได้ เราก็สามารถไปดึงพวกเขาเข้าร่วมได้ เช่นนี้ก็สามารถป้องกันให้เราไม่ต้องเผชิญปัญหาสงครามสองแนวหน้าในอนาคตแล้วไม่ใช่รึ?”
“แต่ปัญหาคือ อาณาจักรคุชะไม่ชอบชาวตาด แต่ก็ไม่ชอบอาณาจักรฉินเหมือนกันนี่!” ฉินอวี่พูดอย่างขมขื่น
ฉินชงไม่รู้จะพูดอะไรทันที
“เฮ้อ!” ฉินอวี่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเราก็ต้องนั่งรอผลลัพธ์สุดท้ายอยู่ไม่ใช่รึ?”
ฉินชงไม่ได้ตอบกลับ เขามองไปยังฉินเหยียน เขาเชื่อว่าฉินเหยียนจะต้องมีวิธี อย่างไรสมองของเขาก็ดีกว่าตนเองมาก เป็นไปตามคาด ฉินอวี่เองก็มองไปเช่นกัน
ฉินเหยียนเองก็กำลังครุ่นคิด แต่ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงรายงานจากขันทีดังขึ้น
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เสนาบดีกรมกลาโหมขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
“หือ?” ฉินชงเงยหน้าแล้วมองฉินเหยียน
เมื่อเห็นฉินเหยียนพยักหน้าแล้วเขาจึงจะตะโกนว่า “ให้เข้ามาได้”
ไม่นานขันทีคนนั้นก็ได้นำทางชายวันกลางคนที่อายุราวห้าสิบเข้ามา
“เข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” เสนาบดีกรมกลาโหมโค้งตัวคำนับ
“ยืนขึ้นเถิด!”
ฉินชงยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรจะรายงานงั้นรึ?”
เสนาบดีกรมกลาโหมรีบตอบกลับว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมมีเรื่องด่วนต้องการรายงานพ่ะย่ะค่ะ!”
“หือ?” ฉินชงเลิกคิ้วแล้วยิ้มพูดว่า “เจ้ามีเรื่องใดก็ว่ามาเถิด!”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ มีสงครามเกิดขึ้นทางตะวันตกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมกลาโหมพูดขึ้น
“หือ? ดินแดนทางตะวันตกรึ?” ฉินชงอึ้งไปแล้วรีบถามต่อว่า “เกิดสงครามอะไรขึ้น? แล้วเป็นสงครามประเภทไหน?”
เสนาบดีกรมพิธีการพูดว่า “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ชาวตาดและอาณาจักรคุชะทำสงครามกันพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างชาวตาดยังดึงอาณาจักรนับสิบมาด้วย......”
“ว่าอย่างไรนะ!”
ฉินชงยืนขึ้นจากบัลลังก์ทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ฉินอวี่และฉินเหยียนเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
ฉินชงค่อยๆนั่งลงบนบัลลังก์แล้วมองเสนาบดีกรมกลาโหมแล้วถามว่า “ข่าวนี้เป็นความจริงรึไม่?”
เสนาบดีกรมพิธีการพูดอย่างจริงจังว่า “จริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“นี่มัน......”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินอวี่ก็ตอบสนองได้ทันที เขาพูดอย่างตะลึงว่า
“หรือเจ้าหมายความว่าเราส่งกองกำลังไปช่วยเหลืออาณาจักรคุชะ ช่วยอาณาจักรคุชะต่อสู้กับชาวตาดรึ?”
ฉินเหยียนพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ถูกต้อง ส่งกองกำลังไปช่วยอาณาจักรคุชะ สามารถหยุดไม่ให้สงครามทางตะวันตกลามมาถึงอาณาจักรฉินได้”
“แล้ว......แล้วเราจะช่วยอย่างไร?”
ฉินชงขมวดคิ้วพูดว่า “หากส่งไปน้อยก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่หากส่งไปมาก อาณาจักรฉินก็จะต้องมีคนล้มตายอย่างไร้ความหมายมากมายไม่ใช่รึ?”
สำหรับเขาแล้ว การช่วยอาณาจักรอื่นแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมยังต้องเอาชีวิตของทหารมากมายเพียงนั้นไปเสี่ยง รวมถึงเงินทองมากมายอีก มันไม่คุ้มเลย
แม้ฉินอวี่จะลังเลอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงพูดอย่างยืนหยัดว่า
“พี่ใหญ่ เราลองฟังเจ้าสิบสี่พูดก่อนเถิด!”
เขามองออกแล้วว่า ฉินเหยียนเหมือนจะวางแผนเอาไว้แล้ว
ฉินชงได้ยินดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า
“ได้ เจ้าสิบสี่ ไหนเจ้าลองว่ามาก่อนว่าจะทำอย่างไรบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...