องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 15

องค์ชายสิบสี่ไม่ได้แค่คุยโวโอ้อวดเท่านั้น แต่เขากลับสู้ตัวต่อตัวกับคนทั้งสามสิบสี่คนได้จริงๆ

อีกแม้จะผ่านไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น ยังสามารถเอาชนะอาจารย์หลี่ไปได้อย่างขาดลอย!

เพียงแค่ชั่วครู่ ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นจำนวนมากมารวมตัวกันที่กระดานหมากรุกของอาจารย์หลี่

เมื่อเห็นสนามรบนี้พังทลายไม่เป็นท่า อาจารย์หลี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก

ฮ่องเต้ฉินเดินมาที่กระดานหมากรุกอย่างรวดเร็ว และต้องตกใจเมื่อได้เห็น

ต้องรู้ว่าคนเหล่านี้ชอบอ้างว่าตนมีความสามารถพิเศษในการเล่นหมากรุก แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่มีเวลาได้ตรวจสอบ อีกทั้งยังต้องจดจำรูปแบบการวางหมากถึงสามสิบสี่ครั้ง

“สามารถเล่นหมากรุกพร้อมกันถึงสามสิบสี่คนได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังไม่ต้องมองกระดานหมากรุกเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงกลางแข่งขันยังสามารถเอาชนะไปได้หนึ่งคน นี่ข้ามิได้ฝันไปใช่หรือไม่?”

ฮ่องเต้ฉินที่อยู่ท่ามกลางเสียงดังเซ็งแซ่ของบรรดาเหล่าขุนนาง จากนั้นค่อยๆ ตระหนักได้ว่า

“ท่าทีของเจ้าสิบสี่ในวันนี้ ช่างน่าสนใจเสียจริง”

ณ เวลานี้

ฉินเหยียนที่กำลังวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย เก็บพัดกระดาษ และชี้ไปที่คนๆ หนึ่งด้วยความโกรธ

“ประจันหน้า รวมโจมตี เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สิบห้าไปสิบเจ็ด มังกร เข้ารุกฆาต!”

แม่ทัพทหารม้ายืนขึ้นด้วยความตกใจ มองไปยังกระดานหมากรุกของตัวเองด้วยน้ำตา

เขาถูกฆ่าจนไม่อาจเอาชีวิตรอดได้

นี่คือความพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเขา

นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังองค์ชายสิบสี่ที่ฆ่าเขาโดยไม่เห็นแก่ชุดเกราะเขาเลยแม้แต่น้อย

ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเทพเจ้าแห่งสงครามกำลังมาถึง

องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนเทพเจ้าด้านหมากรุกหนึ่งเดียวไม่มีสอง

การโจมตีรุนแรงมากเกินไปแล้ว รุนแรงมากจนทำให้สมองของเขาไร้ซึ่งการตอบสนอง

“ม้า เข้ารุกฆาต!”

“มังกร เข้ารุกฆาต!”

“รถศึก รุกฆาตเสีย!”

“รุกฆาต!”

ทุกประโยคที่ฉินเหยียนพูด เขาใช้พัดชี้ไปที่คนๆ นั้น

อีกทั้งคนเหล่านี้ยังเป็นผู้เล่นหมากรุกที่มีชื่อเสียง กลับต้องพ่ายแพ้อย่างไร้ความปรานี และไม่มีใครหลุดรอดเงื้อมมือฉินเหยียนไปได้

ในฐานะผู้ติดตามางหมากฝั่งฉินเหยียน ทุกๆ หมากที่ลงไปนั้น นางเป็นคนวางเองกับมือ หมากทั้งสามสิบสี่ตัวนี้ นางสามารถสัมผัสได้ถึงความหมายของคำว่าฆ่าในทุกๆ ประโยคได้อย่างชัดเจน

ทำสงครามกับทหารมีวิธีการไม่ตายตัว ต่างใช้วิธีการต่างๆ สร้างความสับสนให้ศัตรู ทุกคำของการทำสงครามที่นางเคยเรียนมาต่างอยู่ในหมากทั้งสามสิบสี่ตัวนี้แล้ว และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ในเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ได้กำลังเล่นหมากรุกกับองค์ชายสิบสี่อยู่ แต่นางกำลังเล่นกับเทพเจ้แห่งหมากรุก

ถูกต้อง มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถเล่นหมากรุกที่น่าประหลาดใจเช่นนี้ได้

ทุกครั้งที่เรียกให้รุกฆาต อีกฝ่ายจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง และมือของจ้าวจือหย่ากลับสั่นมากขึ้นไปอีก

ภายใต้การรุกฆาตอย่างต่อเนื่อง แขนของนางชาจนไร้สีเลือด

นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า!

ฉินเหยียนที่มีท่าทีสงบและมั่นใจ เอาชนะไปได้ถึงสามสิบเอ็ดคนแล้ว

แม้แต่ไท่ฟู่เองเขาก็ไม่ไว้หน้า ถูกฉินเหยียนรุกฆาตจนไม่เหลือชิ้นดี

สุดท้ายเหลือเพียงแค่องค์ชายทั้งสามเท่านั้น

ไม่ใช่เพราะฉินเหยียนจงใจเหลือองค์ชายทั้งสามเอาเพื่อทำให้อับอายมากยิ่งขึ้น

ที่จริงแล้วเบื้องหลังขององค์ชายทั้งสามมีที่ปรึกษาคอยแนะนำอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคนเล่นหมากรุกหรือไม่เล่นก็ตาม ทุกคนต่างรวมกันกันอยู่ด้านหลังพวกเขา

ในทุกขั้นตอนในการเดินหมาก กลุ่มญาติสนิทมิตรสหายต่างรวมตัวกันปรึกษาหารือ หลังจากคิดพิจารณารอบคอบแล้วถึงตัดสินใจเดินหมากต่อไป

“ทำอย่างไรดี? ขวาบนและซ่ายล่างต่างโดนล้อมไว้หมดแล้ว หากซ้ายบนและขวาล่างเสียพื้นที่ไป ข้าแพ้การแข่งขันนี้แน่นอน!”

องค์ชายใหญ่ใกล้จะหมดหนทาง คนที่ให้คำปรึกษาเขาล้วนเป็นบรรดาแม่ทัพ

การฆ่าฟันในสนามรบนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาถนัด แต่การเล่นหมากรุกผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

ไม่ใช่องค์ชายใหญ่เท่านั้นที่กำลังหมดหนทาง บรรดาแม่ทัพต่างพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน

หนึ่งนั้นเป็นแม่ทัพวัยแปดสิบกว่าปี คุกเข่าลงอย่างหมดหวัง

“องค์ชายใหญ่ กระหม่อมพ่ายแพ้แล้ว กระหม่อมไร้ความสามารถ! ข้าไม่อาจสู้หน้าฮองเฮาได้ ข้ายอมตายเพื่อไถ่โทษความผิดนี้”

ขณะที่เขาพูด กำลังจะชนเข้ากับหมากมังกร

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้องค์ชายใหญ่สูญเสียการควบคุม

โชคดีที่เขาถูกประคองไว้ได้ทันเวลา มิฉะนั้นมันคงจะน่าอายมากที่เป็นเพียงแค่การแข่งหมากรุกแต่ทำให้เกิดการเลือดตกยางออกขึ้นมาได้

จ้าวจือหย่ายืนอยู่หน้าหมากรุกขององค์ชายใหญ่ ที่ไม่ถูกล้มมาเป็นเวลานาน เพราะนางรู้ดีว่าหากตัวหมากนี้ถูกล้มเมื่อใด การแข่งขันนี้ถือว่าแพ้ องค์ชายใหญ่ไม่มีโอกาสพลิกการแข่งขันนี้ได้อีก

กระดานหมากรุกเปรียบเสมือนสนามรบ นางเป็นเพียงนักเล่นหมากรุกคนหนึ่งที่ไม่อาจควบคุมสิ่งใดได้

“รีบลงหมากสิ!”

“เอาชนะเขาได้ แต่ยังมีคนอื่นที่ต้องจัดการอีกนะ”

ฉินเหยียนเร่งเร้า

จ้าวจือหย่าเองก็กังวลมาก

“แพ้แล้ว! พระเจ้า?”

บรรดาขุนนางยังคงพูดคุยกันไม่รู้จบ

องค์ชายสิบสี่ชนะอีกครั้ง เหลือเพียงองค์ชายแปดเท่านั้นที่ยังแข่งกับเขา

เดิมทีการสอบในวันนี้เป็นการดันองค์ชายแปดให้ขึ้นสู่ตำแหน่งองค์รัชทายาท

แต่ผลก็คือองค์ชายสิบสี่ได้ปรากฏตัวขึ้นในการสอบนี้กะทันหัน ทำให้องค์ชายทั้งหมดกลายเป็นบันไดก้าวสู่ความสำเร็จของเขา

คนที่รับไม่ได้มากที่สุดนั้นคือฮองเฮาฉินซวงหลาน

เพื่อทุกอย่างในวันนี้ นางวางแผนมานานกว่าสิบปี แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวเพราะฉินเหยียน

นางเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว แต่นางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้

เมื่อความพ่ายแพ้ขององค์ชายแปดเป็นที่ยืนยันแน่ชัด ฮองเฮาฉินซวงหลานพูดขึ้นทันทีว่า

“จบลงแค่นี้เถิด”

ทุกคนต่างมองไปที่ฮองเฮาฉินซวงหลานกันพร้อมเพรียงด้วยสายตาคาดหวัง เต็มไปด้วยความหวังว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับคืนมาได้

นี่ดูเหมือนจะกลายเป็นความปรารถนาของทุกคน

เพียงแค่เห็นฮองเฮาคุกเข่าลงทั้งสองข้าง ระงับความโกรธในใจเอาไว้ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“ฝ่าบาท เวลาก็ยืดเยื้อมานานมากแล้ว อีกทั้งคืนนี้ยังมีงานเลี้ยง หากยังแข่งต่อไปจะทำให้งานสำคัญอื่นต้องล่าช้า ต่อไปกำไรที่ได้จะไม่คุ้มเสียนะเพคะ”

สายตาของฮองเฮาฉินซวงหลานจับจ้องไปที่ฉินเหยียน แต่นางยังคงระงับความโกรธของตนต่อและพูดให้คนอื่นตกใจว่า

“คณะทูตจากอาณาจักรจ้าวมาที่นี่เพื่อสร้างพันธมิตรและสร้างสันติภาพกับอาณาจักรฉิน เนื่องจากการเล่นหมากรุกขององค์ชายสิบสี่ไม่อาจมีใครเทียบได้ เช่นนั้นอย่าทำให้เขาต้องเสียความพยายามเปล่า ให้เขาและอู่เอ๋อร์เข้าร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วยเถิดเพคะ”

“พวกเขาทั้งสองมีทั้งด้านบู๊และด้านบุ๋น คงเตรียมตัวกันมาไม่น้อย?”

นี่ฮองเฮาฉินซวงหลานกำลังประนีประนอมอยู่หรือ?

ฉินเหยียนไม่ได้คาดคิดถึงเหตุการณ์นี้

“ก็ดี”

ฮ่องเต้ฉินหัวเราะแล้วพูดว่า

“สายมากแล้ว อู่เอ๋อร์ เหยียนเอ๋อร์ นั่งรถม้าไปกับพ่อตรงไปยังหองชิ่นกงกันเถิด!”

“ช้าก่อน!”

ตอนนี้ฉินเหยียนไม่เต็มใจทำตามอีกต่อไป

อะไรเป็นอะไร พูด่าไม่เล่นก็ไม่เล่นแล้วอย่างนั้นหรือ?

ใครที่แพ้ก็ควรแพ้สิ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์