องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 151

ทูตอาณาจักรจ้าวมีสีหน้าและท่าทางน่าเกลียดกันทุกคน ชี้นิ้วไปที่ผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าวในสนามและมองด้วยสายตาดูถูก

“ก็แค่พวกหมูโง่ๆ แม้แต่หมูยังดีกว่าพวกเจ้าเลย กล้าทำให้อาณาจักรจ้าวต้องเสียหน้า!”

“เจ้าปล่อยให้อาณาจักรฉินทำคะแนนตีเสมอได้อย่างไร เล่นได้แย่มาก!”

“ไร้ประโยชน์สิ้นดี สงครามก็แพ้ หากการแข่งขันชู่จวียังแพ้อีก เจ้าทำให้อาณาจักรจ้าวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความอับอายไปตลอด!”

กลุ่มทูตอาณาจักรจ้าวบนกำแพงเมืองที่สวมชุดสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบ แต่พวกเขากลับพูดจาไม่น่าฟังออกมา

ในสนามผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าวต่างพยายามกันอย่างเต็มที่ แต่ละคนหน้าตามอมแมม เหงื่อเต็มไปทั่วร่าง หายใจหอบ ซึ่งแตกต่างกับคนที่อยู่บนกำแพงเมืองอย่างสิ้นเชิง

หลังจากเสียแต้มไปเมื่อครู่ ในใจของผู้เล่นอาณาจักรจ้าวต่างรู้สึกเจ็บปวดใจมากพอแล้ว กลัวถูกกลุ่มทูตอาณาจักรจ้าวตำหนิอีก หัวใจของพวกเขายิ่งขมขื่นมากขึ้น คนพวกนี้ได้แต่ยืนดูอยู่ด้านบน ไม่สนใจความรู้สึกของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่สนใจว่าตนจะชนะหรือแพ้ก็เท่านั้น

อาณาจักรฉินที่ชนะในแต้มนี้ ไท่ฟู่ยืดตัวตรงขึ้นทันที ลูบเคราของเขาแล้วพูดอย่างภูมิใจว่า

“เจ้าจ้าว นี่สิถึงเรียกว่าทหารที่อวดเก่งย่อมพ่ายแพ้ เจ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ฮ่าๆๆ!”

สีหน้าของจ้าวฉี่หมิงเปลี่ยนไปในทันที สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธจนสามารถพ่นไฟออกมาได้

“ภูมิใจอะไรขนาดนั้น ตอนนี้ก็แค่เสมอกันก็เท่านั้น ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเสียหน่อย!”

ฉินเหยียนที่ยังไม่สาแก่ใจพูดออกมาว่า

“การแข่งขันชู่จวีในครั้งนี้น่าตื่นเต้นเสียจริง ใจข้ายังเต้นไม่หยุดเลย! พูดได้เลยว่าฝั่งอาณาจักรจ้าวแม้จะพ่ายแพ้แต่ก็ยังสง่างาม!”

ไท่ฟู่ส่ายหัวและพูดปัดอย่างติดตลกว่า

“แพ้ก็คือแพ้ สง่างามตรงไหนกัน! การแข่งขันนี้ก็เหมือนกับสงคราม มองแค่ผลลัพธ์ก็เท่านั้น หากผลลัพธ์คือไม่ชนะ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของจ้าวฉี่หมิงยิ่งโมโหมากขึ้น เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ทหารของอาณาจักรจ้าวในสนามต่างมองหารอยแตกบนพื้น คิดหวังว่าจะเอาหน้าแทรกลงไปได้ พวกเขาสะอายใจและไร้ซึ่งขวัญกำลังใจ

ฉินเหยียนเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย จึงให้กำลังใจว่า

“เมื่อพิจารณารอบด้านแล้วทักษะการเล่นของพวกเขานั่นยอดเยี่ยม ความฮึกเหิมของพวกเขาก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แม้ว่าจะแพ้ ผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าวยังไม่ท้อแท้ จิตวิญญาณของเขาไม่มีคำว่ายอมแพ้ ยังพอมีเวลา เช่นนั้นเรามาทำให้สุดความสามารถกันเถอะ!”

คำพูดเหล่านี้ถือเป็นกำลังใจที่ดีให้กับผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าว ยืนดูการแข่งขันจากกำแพงสูงเหมือนกัน แต่ทำไมถึงมีช่องว่างระหว่างกันมากถึงขนาดนี้

ตอนที่ผิดหวัง แต่กลับได้รับกำลังใจดีๆ เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณ ผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าวมองไปที่ฉินเหยียนด้วยความเคารพ

ไท่ฟู่เคาะลิ้นแล้วพูดเสียงเย็นว่า

“เมื่อครู่ไม่รู้ว่าผู้ใดคุยโวโอ้อวด แต่แล้วผลเป็นอย่างไรล่ะ ยกหินขึ้นมาหล่นทับเท้าตัวเองแท้ๆ”

ผู้เล่นฝั่งอาณาจักรจ้าวเองก็ได้ยินคำพูดปลอบใจจากฉินเหยียน ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นในทันที พวกเขายืดหลังตรงอีกครั้ง และพยายามบุกโจมตีอย่างสง่างามอีกครั้ง

เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายต่างพร้อมแล้ว ฉินเหยียนยกไม้กลองขึ้นและประกาศว่า

“การแข่งขันรอบสุดท้ายของชู่จวีแล้ว เริ่มได้!”

ไม้กลองถูกตีลงไปอีกครั้ง การแข่งขันชู่จวีครั้งสุดท้ายระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากันอย่างไม่ลังเล ใช้กำลังที่มีทั้งหมดพุ่งชนและจับลูกหนังเอาไว้ให้ได้ ราวกับว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ไร้อาวุธ

จ้าวฉี่หมิงตะโกนออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา

“การแข่งขันครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่มีทางที่อาณาจักรจ้าวของเราจะแพ้ เมื่อการแข่งขันจบลง อาณาจักรฉินจะต้องออกไปจากด่านถ่งกวานทันที!”

ไท่ฟู่เองไม่พอใจจึงพูดออกมาว่า

“เฮอะๆ เจ้าดูให้ดีๆ เถอะ ตอนนี้ในสนามฝั่งไหนที่ได้เปรียบ อาณาจักรจ้าวของพวกเขาเตรียมขอยกดินแดนและเสียค่าชดเชยไว้ได้เลย!”

พวกเขาทั้งสองพลัดกันถากถาง เหมือนใช้ปากในการต่อสู้แทน แต่ทูตอาณาจักรจ้าวที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้อยู่เฉย ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจแอบแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเชลยศึกของฝั่งอาณาจักรจ้าวเงียบๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์